คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ย้อนคดีหนุ่มแจ้งเท็จบาน – ไม่รู้ว่าจะตั้งใจเอาเงินประกันภัย หรือกลัว เมียด่า ทำให้คดีแจ้งความรถมอเตอร์ไซค์หายกลับช่วยให้ตำรวจทลายแก๊งมิจฉาชีพลอบนำรถมอเตอร์ไซค์ขายข้ามชาติรายใหญ่
บ่ายวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่หน้าสภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พล.ต.ท. อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี ผกก.สส.บก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ประธาน นันทกอบกุล ผกก.สภ.พระประแดง ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาแจ้งความเท็จและลักลอบส่งออกรถจักรยานยนต์ขายต่างประเทศ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา นายชุมพล หรือหมู เกิดแก้ว อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/9 ม.2 ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสภ.พระประแดง ว่า รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า รุ่นคลิก สีน้ำเงิน ทะเบียน 7 กพ 3024 กรุงเทพมหานคร ที่จอดไว้บริเวณกลางซอยวัดราษฎร์รังสรรค์ ต.บางกะเจ้า ถูกคนร้ายขโมยไป
หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ และพื้นที่ข้างเคียง
แต่ไม่ว่าจะดูวงจรปิดจนตาแทบถลน ตำรวจก็ไม่พบเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ในพื้นที่และช่วงเวลาดังกล่าว จึงเรียกตัวนายชุมพลกลับมาเค้นถามใหม่อีกรอบจนยอมเปิดปากในที่สุด ว่ารถไม่ได้หายไปเอง แต่นำไปขายให้คนที่ชื่อนายมานะ ปัญญา ที่เป็นผู้รับซื้อผ่านเพจเฟซบุ๊ก ‘เจ๊ฟู’ รับซื้อรถหนีไฟแนนซ์ หลุดจำนำ ในราคา 10,500 บาท
เมื่อทราบความจริงเจ้าหน้าที่จึงสืบสวนในเชิงลึก จนได้หลักฐานชัดเจนว่า เพจเฟซบุ๊ก ‘เจ๊ฟู’ เป็นแก๊งอาชญากร ที่แบ่งหน้าที่กันทำงานรับซื้อรถที่ถูกโจรกรรม หรือรับซื้อรถหนีไฟแนนช์และรถหลุดจำนำ แล้วนำส่งขายต่อประเทศเพื่อนบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้ติดตามขยายผลกลุ่มแก๊งดังกล่าว โดยให้นายชุมพลติดต่อนายมานะเพื่อขอซื้อรถคืน กระทั่งนายมานะหลงเชื่อให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว ก่อนนัดรับรถที่ข้างร้านสะดวกซื้อ ตลาดสดหนองแฟบ ต.นาป่า อ.เมือง จ.ชลบุรี ในวันที่ 30 ต.ค.
เมื่อถึงเวลานัด เมื่อนายมานะปรากฏตัวเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม และตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของนายมานะที่จอดอยู่ข้างร้านสะดวกซื้อดังกล่าว พบรถจำนวน 3 คัน ให้การว่าเป็นรถที่รับจำนำไว้ เพื่อนำไปจอดรวบรวมไว้ที่บ้านนายภาณิวิชญ์ รัตนศรี เลขที่ 5/11 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
เจ้าหน้าที่จึงขยายผลไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ทราบว่านายภาณิวิชญ์อยู่ระหว่างขนรถจักรยานยนต์ไปส่งให้ลูกค้า ที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี โดยใช้รถปิกอัพบรรทุกไปถึง 3 คัน จึงประสานตำรวจ บช.ภาค 3 สกัดรถปิกอัพทั้งหมดได้ที่ ต.หายโศก อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เมื่อตี 1 กว่าๆ วันที่ 31 ต.ค.
ตรวจในรถปิกอัพทั้ง 3 คัน พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อต่างๆ อัดแน่นไว้รวม 12 คัน
หลังโดนจับคาของกลาง นายภาณิวิชญ์พยายามขอรถดังกล่าวคืน โดยเสนอให้เงินกับเจ้าหน้าที่ 200,000 บาท เลยโดยข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่เพิ่มอีกคดี
ก่อนจะยอมรับสารภาพอ้างว่า แค่ร่วมกับเพื่อนรับจ้างขนรถจักรยานยนต์ส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ได้ค่าจ้างครั้งละ 10,000 บาท ทำมาประมาณ 4 ครั้ง โดยจะนำรถจักรยานยนต์ไปจอดไว้บริเวณทุ่งนาใกล้ชายแดน อ.เขมราช จ.อุบลราชธานี จากนั้นจะมีคนรับช่วงต่อนำส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้านต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถมอเตอร์ไซค์ของกลางทั้งหมดพบว่ามีเพียงคันเดียวเท่านั้นที่ถูกโจรกรรมจากพื้นที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
ส่วนที่เหลือล้วนมีผู้ครอบครองแจ้งว่าได้นำไปจำนำและขายอ้างว่ามีความต้องการใช้เงินทุกรายจึงได้ประสานไปยังบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อดำเนินการและแจ้งความต่อไป
ขณะที่ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีทั้งหมด โดยนายภาณิวิชญ์นอกจากจะถูกดำเนินคดีในกรณีเป็นแก๊งลักรถจักรยานยนต์ส่งออกประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ยังโดนดำเนินคดีข้อหา ผู้ใดให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำ อันมิชอบด้วยหน้าที่
ส่วนนายชุมพลแม้จะเป็นปฐมเหตุให้เจ้าหน้าที่ทลายแก๊งอาชญากรรายนี้ แต่ก็ไม่แคล้วต้องโดนคดีแจ้งความเท็จ เพราะกระทำความผิดตามระบิลเมืองไปแล้ว
สมภพ สนเวส เรื่อง/ภาพ