คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนคดียิงสนั่นผับบ้านโป่ง – หลายครั้งที่เกิดคดีใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกายหรือชิงทรัพย์ ก็มักมีคำกล่าวประชดประชันตามมาว่า คนดีพกปืนถูกจับ แต่โจรผู้ร้ายพกปืน กลับรอดไปได้ตลอด

แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยบุคคลธรรมดาไม่สามารถพกพาอาวุธปืนไปไหน มาไหนได้เช่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ที่ผ่านมาคดีที่ก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืน ก็ยังมีให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน แสดง ให้เห็นว่าผู้ที่พกพาอาวุธปืนไปตามสถานที่ต่างๆ ยังสามารถเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้ จนเกิดคำถามว่า ทำไมไม่ให้คนหากินสุจริตได้มีโอกาสพกพาอาวุธปืนไว้ป้องกันตัว

เรื่องราวต่อไปนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ว่า ทำไมจึงไม่มีใครควรพกพาอาวุธปืน

สภาพที่เกิดเหตุ

ย้อนไปเมื่อเวลา 23.50 น. วันที่ 4 พ.ย. ร.ต.อ.ประสิทธิ์ ชนประเสริฐ รองสว. (สอบสวน) สภ.บ้านโป่ง รับแจ้งเหตุยิงกันที่ร้านลิท สถานบันเทิงชื่อดัง ริมถนนเลี่ยงเมือง เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง จ.ราชบุรี

ภายหลังรับแจ้งจึงนำกำลังพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผกก.สภ.บ้านโป่ง พ.ต.ท.ธารา ศรีพรหมคำ รองผกก.ป. พ.ต.ท.มานพ น้ำประสานไทย รองผกก.สส. พ.ต.ท.พิษณุ เชิดโฉม สว.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร ร.พ.บ้านโป่ง และมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี รุดไปตรวจสอบ

ชันสูตรศพ

ที่เกิดเหตุพบนักเที่ยวจำนวนมากยืนออจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุระทึกขวัญที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ กันอยู่บริเวณหน้าร้าน ส่วนภายในร้านพบโต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด แก้วน้ำและขวดเหล้าตกแตกอยู่เกลื่อนพื้น บริเวณกลางร้านพบศพนายสมชาย เจริญมี อายุ 41 ปีชาว ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง สภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่กลางร้าน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่ศีรษะ 2 นัด และลำตัว 3 นัด

เมื่อตรวจสอบโดยรอบก็พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. 5 ปลอก และหัวกระสุนปืน 2 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ภายในร้านอยู่ในสภาพมึนเมา พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ตามร่างกายพบบาดแผลจากการถูกรุมทำร้ายจนศีรษะบวม ถูกนำตัวส่งรักษาที่ ร.พ.บ้านโป่ง

ตำรวจสอบสวนทราบต่อมาคือนายสุรศักดิ์ สุวรรณภักดี อายุ 38 ปี ชาว ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง โดยพบว่าคู่กรณีทั้ง 2 คนเป็นเพื่อนกินเที่ยวกลุ่มเดียวกันมาก่อน จนกระทั่งเมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา เกิดบาดหมางทะเลาะวิวาทกัน หลังจากทั้งคู่ไปจีบผู้หญิงคนเดียวกัน

สอบมือปืน

สำหรับเรื่องราวก่อนเกิดเหตุสยอง พรรคพวกของผู้ตายให้การว่านายสมชายผู้เสียชีวิตมาเที่ยวที่สถานบันเทิงดังกล่าวพร้อมเพื่อนอีกกว่า 10 คน ก่อนจะมาพบกับนายสุรศักดิ์ผู้ก่อเหตุที่นั่งดื่มกินอยู่กับกลุ่มเพื่อนอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง

ตอนแรกทั้งสองกลุ่มก็เกิดเขม่นกัน แต่ด้วยความที่เคยเป็นเพื่อนกันมา ผู้ตายจึงหันหน้ามาพูดคุยปรับ ความเข้าใจจนถึงขั้นจับมือเลิกแล้วต่อกัน แต่หลังจากดื่มกินกันจนเกิดอาการมึนเมา ทั้งคู่กลับมีเรื่องทะเลาะวิวาทชกต่อยกันอีก

นายสุรศักดิ์ผู้ก่อเหตุสู้ไม่ได้ เนื่องจากมีกำลังคนน้อยกว่าจึงตัดสินใจเดินออกมาหยิบอาวุธปืนพกที่เก็บไว้ในรถ เดินกลับเข้าไปหานายสมชายแล้วลั่นไกรัวใส่ไป 5 นัด ถูกศีรษะและลำตัวจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนที่จะถูกกลุ่มเพื่อนของนายสมชายรุมจับตัว ไว้ได้

นายสุรศักดิ์ สุวรรณภักดี มือปืน

เจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ก่อเหตุยังคงฝังแค้นอยู่ในใจ ถึงแม้จะจับมือเลิกแล้วต่อกัน และด้วยอาการมึนเมา ควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ จึงก่อเหตุยิงเพื่อนเสียชีวิตคาสถานบันเทิงดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

ญาติร่ำไห้

ด้าน พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พงศ์ประภาอำไพ ผกก.สภ.บ้านโป่ง เปิดเผยในวันรุ่งขึ้นว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการให้ปิดสถานบันเทิงดังกล่าวทันที และไม่ให้กลับมาเปิดอย่างเด็ดขาด จนกว่าตนจะถูกโยกย้ายไปจากพื้นที่ สภ. บ้านโป่ง หรือจะเกษียณอายุราชการไป ส่วนสถานบันเทิงแห่งอื่นๆ ในพื้นที่บ้านโป่ง ตนก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดกวดขันไม่ให้มีเด็กเยาวชน หรือมีการพกพาอาวุธเข้าไปเที่ยว

“ห้ามมีการทะเลาะวิวาทกัน ห้ามพกพาอาวุธ และห้ามมียาเสพติดโดยเด็ดขาด หากพบการกระทำความผิด จะสั่งปิดโดยทันทีเช่นกัน” ผกก.สภ.บ้านโป่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

ทั้งความเมา ทั้งความโมโห แถมยังมีอาวุธปืนเป็น ตัวเสริม ส่วนผสมที่ลงตัวของหายนะ

ขวัญเพชร โชคบรรดาลสุข
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน