แฟ้มคดี

เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ

สำหรับกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาจำคุก 5 ปี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา

ในข้อหาปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงเมื่อปี 2554

เพราะแม้จะไม่ใช่การทุจริต แต่ปล่อยให้มีการขายข้าวจีทูจีปลอม แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มาฟังคำพิพากษา

เช่นเดียวกับวันที่ 25 ส.ค.ที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษานัดแรก กลายเป็นคำถามว่าเหตุใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกคสช.จับตาดูอย่างใกล้ชิด แทบจะทุกฝีก้าว ถึงหายตัวไปได้ง่ายๆ

แถมล่าสุดยังมีกระแสข่าวระบุชัดว่าอยู่ถึงประเทศอังกฤษ กลายเป็นเรื่องที่รัฐบาลและคสช.ต้องออกมาหาข้อเท็จจริง

จนในที่สุดก็พอรู้แล้วว่าที่แท้เป็นนายตำรวจยศ พ.ต.อ.นี่เองที่เป็นคนพาอดีตนายกฯไปส่งใกล้ชายแดน

แต่ที่สุดก็ไม่สามารถเอาผิดได้

ส่วนจะเชื่อมโยงถึงระดับบิ๊กคนไหนสั่งการ ก็เป็นบทพิสูจน์ความสามารถของคสช.ต่อไป

  • เค้นพ.ต.อ.ขับรถส่งยิ่งลักษณ์

หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ปรากฏตัวรับฟังการอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 ส.ค. และถูกศาลสั่งออกหมายจับ พร้อมริบเงินประกัน 30 ล้าน

คสช.และรัฐบาลก็กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบสวนสอบสวนโดยพลัน ซึ่งก็มี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ควบคุมคดีอย่างใกล้ชิด

หลังสืบเสาะจากเบาะแสที่มีทั้งหมดในที่สุดก็ได้ตัว โดยกลางดึกวันที่ 21 ก.ย. พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งคุมตัว พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผบก.น.5 บช.น. มาสอบสวนด้วยตัวเองในห้องทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

โดยพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ให้การว่า เมื่อเวลา 18.20 น. วันที่ 23 ส.ค. ขับเก๋งสายตรวจ ไปรอรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ลานจอดรถห้างโลตัส สาขาวัชรพล จากนั้นมีรถเบนซ์สีดำ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งมาด้วย ขับเข้ามา จึงขับตามไปจอดหน้าหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล ปากซอย 23

จากนั้นมีเก๋งคัมรี่ สีบรอนซ์เทา ทะเบียน ฌย 2123 กทม. มีซันรูฟ ขับมานำรถที่ตนขับไปจนถึงซอย 38 ซึ่งเป็นบ้านของตน แล้วเอารถสายตรวจไปจอดที่บ้าน แล้วจึงมาขับเก๋งคัมรี่ โดยในรถมีน.ส. ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯหญิงอีกคน โดยสวมหน้ากากอนามัยสีดำ และสวมหมวกแก๊ปสีเข้มทั้งคู่ มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เลี้ยวซ้ายไปถนนรามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรี ไปถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้าฉะเชิงเทรา

จากนั้นไป อ.พนมสารคาม เข้า จ.สระแก้ว ไปยัง อ.อรัญประเทศ ถึงเวลา 22.00 น. แล้วขับไปตามถนนสุวรรณศร เพื่อไปที่นัดหมาย โดยมีรถมารอรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศ ประมาณ 1 ก.ม.

เมื่อไปถึงมีรถกระบะสี่ประตู สีทึบ ไม่รู้ยี่ห้อและทะเบียน มีชายสูง 180 ซ.ม. มองหน้าไม่เห็นว่าเป็นชายไทยหรือไม่ รออยู่ เมื่อตนจอดเก๋งคัมรี่ต่อท้าย ชายคนดังกล่าวเดินมารับน.ส.ยิ่งลักษณ์และเลขาฯ ขับรถออกไป

ส่วนตนขับไปอีก 500 เมตร แล้วจอดนอน ตื่นมาช่วงเที่ยงวันที่ 24 ส.ค.แล้วจึงขับรถกลับกทม.ในช่วงเย็น จากนั้นวันที่ 28 ส.ค. ตนขับคัมรี่ ซึ่งเปลี่ยนทะเบียนเป็น ฌข 5323 กทม. เอาไปให้ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ซึ่งเคยทำงานที่กองปราบฯด้วยกัน เมื่อ 20 ปีก่อน ที่ จ.นครปฐม เพื่อให้แยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน โดยจอดไว้ที่ร้านอาหารแสงจันทร์ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร

ต่อมาวันที่ 30 ส.ค. ด.ต.พรพิพัฒน์ ติดต่อให้ พ.ต.ท.สามมิตร ไชยอิ่นคำ สว.สส.บก.ภ.จว.นครปฐม ซึ่งเป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่นเดียวกัน นำรถไปแยกชิ้นส่วน แต่พ.ต.ท.สามมิตร เอาไปจอดไว้ที่บ้านผู้ใต้บังคับบัญชา โดยไม่ได้นำไปแยกชิ้นส่วน

กระทั่งวันที่ 21 ก.ย. มีผู้บังคับบัญชาโทรศัพท์มาสอบถาม และสั่งให้นำรถไปส่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้การสืบสวนได้ผลเพราะการติดตามข้อมูลเก๋งโตโยต้า มีซันรูฟซึ่งพบว่า ตั้งแต่ปี 2549 นำเข้ามา 283 คัน มีเพียงเก๋งคัมรี่ ดังกล่าวที่ตัวเลขตัวถังไม่ตรง

จนนำมาสู่สาวถึงตัวพ.ต.อ.

  • ชี้ไม่ผิดกฎหมาย-เหตุไร้หมายจับ

ส่วนการดำเนินการต่อไปนั้น พล.ต.ต.มงคล วรุณโณ ผบก.น.5 ลงนามคำสั่งที่ 269/2560 แต่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กับพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ โดยมี พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นาลา รองผบก.น.5 เป็นประธาน

นอกจากนี้ยังลงนามในคำสั่งที่ 270/2560 ให้พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ มาปฏิบัติราชการที่ศปก.บก.น.5 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ขณะที่ พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบก.ภ.จว.นครปฐม มีคำสั่งให้พ.ต.ท.สามมิตร และด.ต.พรพิพัฒน์ ไปปฏิบัติราชการที่กก.สส.บก.ภ.จว.นครปฐม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตามในเรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มตำรวจกลุ่มนี้ ในความผิดมาตรา 189 ในประมวลกฎหมายอาญา ที่ระบุว่า ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้ที่พำนักแก่ผู้นั้นโดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุมตามประมวลกฎหมายอาญา นั้นไม่สามารถดำเนินการได้

เพราะมาตราดังกล่าว จะมีความผิดก็ต่อเมื่อศาลออกหมายจับ แต่คดีนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายจับเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ภายหลังจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาฟังคำพิพากษาศาล

ดังนั้นเมื่อนายตำรวจคนดังกล่าว พาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปยังจังหวัดชายแดน ก่อนวันที่ศาลจะออกหมายจับ ย่อมไม่ถือเป็นความผิดอาญา เพราะก่อนจะถูกออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ย่อมสามารถไปไหนต่อไหนได้ภายในประเทศ

นอกจากนี้คำสั่งศาลที่ห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกนอกประเทศ แม้จะยังมีผล แต่จากคำให้การของพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ก็ระบุว่าพาไปส่งที่ใกล้สถานีรถไฟอรัญประเทศ ก็ฟังไม่ได้ว่ามีความผิดเช่นกัน

ซึ่งพล.อ.ประวิตรเองก็ยอมรับว่าการพาน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปส่งไม่มีความผิด แต่ต้องดำเนินคดีเกี่ยวกับการใช้รถที่ผิดกฎหมาย

พร้อมสั่งการให้เร่งสืบหารถกระบะคันที่มารับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ส่วนที่สนใจว่ามีอดีตนายตำรวจใหญ่อยู่เบื้องหลัง

ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าหมายถึงใคร

  • สะพัดไปอยู่อังกฤษแล้ว

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยการอ่านลับหลัง หลังจากที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามตัวจำเลยมาฟังคำพิพากษาได้

โดยพิจารณาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามพ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ละเลยการตรวจสอบระบายข้าวจีทูจี จนเกิดความเสียหาย ให้จำคุก 5 ปี

พร้อมออกหมายจับน.ส.ยิ่งลักษณ์ มารับโทษตามคำพิพากษาต่อไป

จากนั้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 ก.ย. พล.ต.อ.ศรีวราห์ก็นำกำลัง เจ้าหน้าที่พฐ. 10 นาย ตำรวจสน.ลาดพร้าว 10 นาย และทหารอีก 4 นาย เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 38/9 ซอยโยธินพัฒนา 3 แขวง นวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามหมายค้นเลขที่ 384/2560 ลงวันที่ 28 ก.ย.2560

โดยมี พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย ผกก.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา ศูนย์พัฒนาการข่าว บช.ส. อดีตนายตำรวจติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ นำเข้าตรวจค้น

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐาน อาทิ ของใช้ส่วนตัว เส้นผม กล้องถ่ายรูป หวี เสื้อผ้า เพื่อนำไปเทียบเคียงกับดีเอ็นเอภายในรถโตโยต้า คัมรี่ ที่พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ พาน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปส่งที่อรัญประเทศ

ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์เปิดเผยว่า เป็นการตรวจค้นเพื่อดูว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ที่บ้านหรือไม่ เพื่อทำตามกระบวนการ ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะไม่มีหลักฐานเป็นทางการที่สรุปได้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่ในประเทศ

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้ยืนยันว่ามีข้อมูลว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

และวางมือไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว

แต่ก็มีรายงานข่าวอีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้พาสปอร์ตทูตเล่มแดง เดินทางเข้าประเทศอังกฤษ ซึ่งตรงกับที่สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางจากดูไบไปอังกฤษเมื่อวันที่ 11 ก.ย. รวมทั้งยืนยันซ้ำด้วยสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าอยู่อังกฤษ

จึงเป็นบทพิสูจน์ความสามารถทางการข่าว และฝีมือของคนในรัฐบาล

ว่าจะสามารถติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์มาดำเนินคดีได้หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน