คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ย้อนคดีสะเทือนผ้าเหลือง – ผลประโยชน์อันยั่วยวนของยาเสพติดมันแทรกซึมเข้าถึงแทบทุกวงการ ไม่เว้นแม้วงการผ้าเหลือง เพราะเชื่อว่าเจ้าหน้าที่มักให้ความเกรงใจผ้าเหลือง ขบวนการค้ายาจึงลงทุนจ้างพระสงฆ์ระดับเจ้าคณะตำบลมาร่วมขนยานรกเพื่อตบตาตำรวจจนรอดมาได้ถึง 3 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่รอด
ย้อนไปเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รองผบช.น.ดูแลงานยาเสพติด พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. (สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191) พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ แถลงผลจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดรายใหญ่
ผู้ต้องหาประกอบด้วย พระครูสุเมธปริยัติกิจ หรือนายณัฏฐภูมินทร์ หรือนายบุญมี กันติมูล อายุ 39 ปี เจ้าอาวาสวัดทรายมูลและเจ้าคณะตำบลแม่ข้าวต้ม เขต 1 ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมืองเชียงราย พระมหาสุเมธ หรือนายสิญจน์สุเมธ หรือป๊อก แสนวุฒิโชติ อายุ 30 ปี ชาว จ.พะเยา พระลูกวัด วัดศรีโคมคำ ต.เวียง อ.เมืองพะเยา นายภาณุวิชญ์ หรืออั๋น แสนคำก้อน อายุ 26 ปี นายพิชัย หรือชัย รูปโปร่ง อายุ 44 ปี นายสำเริง หรือหนุ่ม แสนคำก้อน อายุ 44 ปี
บายศรีตบตาตร.
พร้อมของกลางยาบ้า 4,800,000 เม็ด อาวุธปืนขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 14 นัด รถยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง โดยจับกุมที่ห้องพักเคียงดาว รีสอร์ท ต.หางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
พล.ต.ต.สำราญเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ชุดสืบสวนบก.สปพ. จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จากการสอบสวนขยายผลพบว่ามีพระเป็นคนมาส่งยาให้จึงสืบสวนจนทราบว่าเป็นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดเครือข่ายเชียงดาว-ชัยนาท ลักลอบค้ายาเสพติดเป็นขบวนการใหญ่ และทำมานาน
เครือข่ายดังกล่าวลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือ โดยใช้รถยนต์ตู้บรรทุกยาเสพติดมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.มโนรมย์ มีพระภิกษุนั่งมากับรถยนต์คันดังกล่าวเพื่ออำพรางและลดความสงสัยของเจ้าหน้าที่
กระทั่งวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบสวนสะกดรอยติดตามจนพบว่าเครือข่ายกลุ่มนี้ได้เช่าห้องพักที่เคียงดาวรีสอร์ท เพื่อรอส่งมอบยาเสพติดให้กับกลุ่มเครือข่ายที่จะมารับยาเสพติด นำไปส่งให้กับลูกค้าจึงนำกำลังบุกเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมด
สอบสวนอดีตพระครูสุเมธปริยัติกิจ ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ทำเพราะต้องการหาเงินมาเรียนปริญญาโท การขนยาเสพติดจริงทำมา 4 ครั้ง ได้เงินคนละประมาณ 300,000 บาท แต่มาพลาดหลังเที่ยวที่ 3 ผู้ที่มารับซื้อยา 3,600,000 เม็ด ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ก่อนขยายผลมาถูกจับกุมพวกตนดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแก่นายภาณุวิชญ์มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดี
หลังเป็นข่าวชาวบ้าน ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง จ.เชียงราย ต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ชาวบ้านบางส่วนระบุว่าที่ผ่านมาเจ้าอาวาสซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าคณะตำบลด้วยไม่เคยปรากฏมีพิรุธว่าจะไปกระทำผิดกฎหมายถึงขั้นขนยาเสพติดดังกล่าวเลย ดูจะเป็นพระนักพัฒนาเสียด้วย เบื้องต้นทางวัดก็จะได้เก็บข้าวของที่เป็นของอดีตเจ้าอาวาสออกไปก่อน และยังไม่มีการแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสแทนเพราะต้องรอให้ทางคณะสงฆ์ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ก่อน
ผบช.น.แถลง
ขณะที่พระสุนทรกิตติคุณ รักษาการจะอาวาสวัดศรีโคมคำ พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ระบุว่า พระรูปดังกล่าวนั้นจะเป็นพระที่ไม่ค่อยอยู่จำวัด ที่วัดและเป็นพระที่ชอบจัดงานอีเวนต์อย่างต่อเนื่อง (จัดดอกไม้ จัดสถานที่ และงานบวงสรวงต่างๆ) จึงไม่ค่อยได้พบกันเพราะหน้าที่รับผิดชอบนั้นที่อยู่กับวัด ไม่ค่อยมีอะไร เพียงแต่มีการทำวัตรสวดมนต์และปฏิบัติกิจของสงฆ์ ซึ่งพระรูปดังกล่าวนั้นก็ไม่ค่อยได้ทำวัตรเหมือนพระรูปอื่นๆ
ต่อไปทางวัดในฐานะที่ตนเองเป็นรักษาการเจ้าอาวาสและเจ้าคณะอำเภอเมืองพะเยา จะมีการเข้มงวดมากขึ้นกับการพิจารณาว่าจะให้พระทุกรูปในสังกัดกับวัดในพื้นที่จะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติกันอย่างเข้มข้น
ลามไปทั่วทุกวงการ ไม่ต่างไฟลามทุ่งหากไม่บูรณาการครั้งใหญ่ไม่ต่างกับน้ำน้อยยากจะดับไฟ
จนมุมพร้อมของกลาง
