สุรชัย ส้มเกลี้ยง

ธนภัทร ชีระจินต์

เรื่อง/ภาพ

เช้าวันที่ 28 ก.ย. ชาวเมืองสุราษฎร์ธานี ต่างต้องตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์สดๆ

เมื่อจู่ๆ ขบวนรถตำรวจทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์ ขับไล่ตามรถปิกอัพอีซูซุ แค็บ สีเขียว ทะเบียน 3351 สุราษฎร์ธานี ที่ซิ่งหนีไปรอบเมือง

บึ่งขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำตาปี เลี้ยวขวาไปตามถนนตลาดใหม่ พุ่งเข้าชนประตูรั้วโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีจนพังเสียหาย

ก่อนขับมุ่งหน้ากลับเข้าตัวเมืองอีกครั้ง โดยใช้เส้นทางผ่านหน้า สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี

ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงใส่ล้อรถ แต่ไม่เป็นผล เสียงปืนดังสนั่นทำให้ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวออกมามุงดูด้วยความตกใจ ต่อมาคนร้ายพยายามขับรถย้อนศรมุ่งหน้าเข้าเขตโรงเรียน

ร.ต.ท.ปริญญา มีเพียร รอง สวป.หัวหน้าป้อมยามบางไทร ซึ่งใช้รถยนต์กระบะขับติดตามมา เกรงว่าหากปล่อยไปถึงหน้าโรงเรียนเด็กนักเรียนอาจได้รับอันตราย จึงตัดสินใช้รถพุ่งเข้าชนท้ายรถกระบะของคนร้ายอย่างแรงจนรถคนร้ายเสียหลักไปชนฟุตปาธบริเวณแยกหน้าเมือง ไม่สามารถขับต่อไปได้

เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวชายคนขับเอาไว้ สอบสวนทราบชื่อต่อมาคือ นายจิรเดช บัวแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 หมู่ 5 ต.ดุสิต อ.ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีธรรมราช

มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่แขนขวา 1 นัด หน้าอกซ้าย 1 นัด และเฉี่ยวศีรษะเป็นแผลถาก 1 แผล ตามตัวเต็มไปด้วยลายสัก จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี

ปฐมเหตุแห่งการไล่ล่าครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อศูนย์วิทยุ 191 สุราษฎร์ธานี รับแจ้งจากพนักงานประจำปั๊มน้ำมัน ปตท.(ในบาง) ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ว่ามีชายต้องสงสัยมี อาวุธปืน ใช้รถกระบะอีซูซุ แค็ป สีเขียว ทะเบียน 3351 สุราษฎร์ธานี เข้าไปถามหาผู้จัดการปั๊ม

แต่เมื่อพนักงานแจ้งว่าไม่อยู่ ชาย คนดังกล่าวได้ขับรถออกจากปั๊มไปด้วยความรวดเร็ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่สายตรวจสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ตรวจหารถ และบุคคลต้องสงสัยดังกล่าว

ต่อมา ด.ต.ประสิทธิ์ ทองตำลึง และ ส.ต.ท.ปฏิวัติ จันทโร เจ้าหน้าที่สายรถจักรยานยนต์ รหัส 123 พบเห็นรถต้องสงสัยจอดอยู่ริมถนนขาเข้าตัวเมืองจึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ปรากฏว่าชายคนขับกลับเร่งเครื่องขับหลบหนีจนเกิดการไล่ล่ากันขึ้น

ต่อมา พล.ต.ต.อภิชาติ บุญ ศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อม พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รอง ผบก. ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เข้าตรวจสอบในรถผู้ต้องหา พบเงินสด 1 หมื่นกว่าบาท โทรศัพท์ 3 เครื่อง สมุดบันทึก มีเบอร์โทรศัพท์และ เลขบัญชีของธนาคารต่างๆ จึงให้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าเก็บหลักฐานทุกจุดในการเกิดเหตุครั้งนี้

พร้อมเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทาง เพื่อดูพฤติกรรมการหลบหนีของคนร้าย ตำรวจพบว่าคนร้ายโยนปืนทิ้งระหว่างหลบหนี ช่วงโค้งวัดบางไม้ ถนนสายใน หมู่ที่ 2 ต.บางใบไม้ แต่กว่าจะหาพบก็ต้องใช้เวลาอีกเกือบวัน เพราะมีเป็นที่รกทึบ หญ้าสูงท่วมหัว โดยเป็นปืนลูกโม่ขนาด .38

ด้านพนักงานปั๊มน้ำมัน เล่าว่า ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. คนร้ายขับรถเข้ามาในปั๊มและขอซื้อน้ำมันเครื่อง 1 กระป๋อง จึงได้ส่งให้แต่คนร้ายนั่งอยู่ในรถและเปิดกระจกลง พร้อมกับทำท่าชักปืนจากเอวขึ้นมาขู่ และขับรถออกไป ทำให้ตกใจมากจึงได้โทร.แจ้ง 191

จากนั้น 5 นาทีต่อมา คนร้ายคนเดิมขับรถเข้ามาเป็นรอบที่สอบ และลงจากรถถามหาผู้จัดการปั๊ม แต่ไม่มีใครตอบ พร้อมพูดว่า ปืนกับยาเอาไปทิ้งหมดแล้ว ก็ขึ้นรถขับออกไปอีก แล้วก็กลับมาเป็นรอบ ที่สามลงมาพูดจากไม่รู้เรื่อง เหมือนมีอาการเมายาเสพติด

ขณะที่คนร้ายกำลังจะขับรถออกจากปั๊มเป็นจังหวะเดียวกับทาง เจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาตรวจสอบพอดี จึงได้ขับไล่ติดตามรถคนร้ายออกไปทางสะพานข้ามแม่น้ำตาปี

พล.ต.ต.อภิชาติเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนปฏิบัติ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และจากการตรวจสอบประวัติของคนร้ายพบว่า เป็นเพื่อนในเครือข่ายยาเสพติดเอ็ม ตามาร ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ ขณะปฎิบัติหน้าที่ล่อซื้อเมื่อปี”57 และเคยถูกจำคุกในคดียาเสพติดและอาวุธปืนและเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ไม่นาน

ส่วนสาเหตุคาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะผลการตรวจเลือดในร่างกายมีสารเสพติดเจือปนอยู่ ทั้งนี้พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน