ตามตร.สองแควไขคดีไล่ยิงโจ๋เจ็บ-กลางเมืองที่แท้ทำปืนลั่นใส่เพื่อน – ปัญหาวัยรุ่นตีกันสร้างความเบื่อหน่าย ให้ชาวบ้านไม่รู้จักจบสิ้น ยิ่งช่วงมีงานเทศกาลต่างๆ แม้พยายามป้องกันอย่างไร แต่มันก็หาโอกาสฟัดกันได้ทุกที

ย้อนไปเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. ร.ต.อ.สุภาพ เงินแก้ว รองสว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุกลุ่มวัยรุ่นถูกคู่อริดักยิงได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณใกล้เคียงปั๊มน้ำมัน ปตท. สี่แยกซีพี ริมถนนเส้นพิษณุโลก-วังทอง ฝั่งขาเข้าเมือง หมู่ 4 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้ง จึงประสานตำรวจชุดสายตรวจและเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ รุดตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บเป็นวัยรุ่นชาย จำนวน 5 ราย นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและขอความช่วยเหลือ หนึ่งในนั้นคือ นายหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ภูมิลำเนาอยู่ ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีบาดแผลถูกคมกระสุนปืนลูกซองยิงเข้าที่แผ่นหลังจนพรุนเลือดไหลอาบร่าง อาการสาหัส

นอกจากนี้ ยังมีวัยรุ่นชายซึ่งเป็นเพื่อนที่มาด้วยกันอีก 4 ราย ถูกกระสุนปืนยิงเข้าตามร่างกายหลายแห่ง กู้ภัยรีบให้การช่วยเหลือ นำตัวส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช และโรงพยาบาลกรุงเทพพิษณุโลก

จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่บาดเจ็บได้นัดรวมตัวชักชวนกันขี่รถจักรยานยนต์ไปเที่ยวงานสมโภชเจ้าแม่ทองคำ เจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นงานประจำปีของ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก แต่ระหว่างทางกลับบ้านถูกกลุ่มวัยรุ่นคู่อริขี่รถจักรยานยนต์ติดตามมาดักทำร้าย ใช้อาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มคู่อริได้แยกย้ายกันหลบหนีไปคนละทิศละทาง ตรวจสอบยังพบระเบิดปิงปองตกอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ให้ลงพื้นที่พร้อมประสานกับชุดสืบสวน สภ.วังทอง เพื่อหาสาเหตุของการก่อเหตุวัยรุ่นยิงกันในครั้งนี้ เนื่องจากสถานที่ของการก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ อ.วังทอง และมีการติดตามคู่อริมาจนถึงพื้นที่ อ.เมืองพิษณุโลก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ลำดับเหตุการณ์ของการเกิดเหตุอีกครั้ง ที่สำคัญตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และตามเส้นทางของผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง เนื่องจากยังมีหลายอย่างที่ดูขัดแย้งกัน ทั้งช่วงเวลาและสภาพบาดแผลของผู้บาดเจ็บ

ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก นำตัวนายบี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ไปทำแผนรับสารภาพ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสงสัยในคำให้การของนายบี (นามสมมติ) ซึ่งเป็นผู้ที่ซ้อนท้ายรถอยู่กับนายหนึ่ง (นามสมมติ) ก่อนถูกยิง จึงนำตัวมาสอบสวน เนื่องจากมีข้อขัดแย้งกับคำให้การ








Advertisement

ในที่สุดได้ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนทำปืนลั่นใส่นายหนึ่ง (นามสมมติ) เพื่อนตนเองขณะชักปืนออกมาเพราะง้างนกปืนเอาไว้ตลอดเวลา จนทำให้ปืนลั่นใส่ จึงได้โกหกว่าเพื่อนถูกคู่อริยิง เนื่องจากกลัวความผิด ส่วนวัตถุระเบิดที่ตรวจพบในสถานที่เกิดเหตุเป็นของตนเองเตรียมมาจะนำไปขว้างใส่คู่อริ ซึ่งคิดว่าอริจะตามมาทำร้าย พร้อมกับนำระเบิดไปซ่อนเอาไว้ ส่วนเพื่อนกลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้า 4 ราย ถูกอริยิงจริง

พ.ต.อ.ภาคภูมิเปิดเผยเบื้องหลังว่า ข้อเท็จจริงคดีนี้เกี่ยวข้องกับเขต อ.วังทอง กับ อ.เมืองพิษณุโลก โดยคืนวันที่สาม ได้มีงานประจำปี ที่ อ.วังทอง ซึ่งกลุ่มวัยรุ่น ต.บึงพระ เป็นกลุ่มที่ได้รับบาดเจ็บได้พากันไปเที่ยวงานประจำปี จนช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน กลุ่มวัยรุ่นบึงพระได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นในเขต อ.วังทอง ไล่ทำร้ายมา มีการยิงปืนใส่วัยรุ่นบึงพระได้รับบาดเจ็บ 4 คน ก่อนจะแยกย้ายกันหลบหนีไป

หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นบึงพระได้หนีเข้ามาที่ในเขตอ.เมืองพิษณุโลก โดยมารวมตัวกันที่ ปตท.แยกซีพี ประมาณ 6-7 คน เพื่อดักรอแก้แค้นกลุ่มวัยรุ่นวังทองซึ่งคิดว่าจะตามมา โดยมีนายหนึ่ง (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และนายบี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ขับรถจักรยานยนต์มาจอดรอที่บริเวณข้างถนน ห่างจากหน้าปั๊มน้ำมันไปประมาณ 50 เมตร ระหว่างนั้นนายบี (นามสมมติ) หยิบอาวุธปืนออกมาจากย่าม แต่ด้วยคุณภาพของอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ อาจจะไม่สมบูรณ์ ประกอบกับได้ขึ้นนกค้างเอาไว้ ปืนจึงเกิดลั่นใส่นายหนึ่ง (นามสมมติ) เพื่อนตนเอง ด้วยกลัวความผิด จึงโกหกว่า ถูกกลุ่มอริยิง

ภายหลังตรวจในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำทำให้เกิดข้อสงสัย เนื่องจากวิถีของกระสุนปืนขัดแย้งกับคำให้การของนายบี (นามสมมติ) ประกอบกับให้การวกไปวนมา จึงประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจคราบเขม่าที่มือของนายบี (นามสมมติ) ตั้งแต่คืนวันเกิดเหตุ พร้อมนำตัวมาสอบสวนอย่างละเอียด กระทั่งยอมเปิดปาก รับสารภาพว่าทำปืนลั่นจริง พร้อมนำตัวไปตรวจยึดอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ของกลางที่ซ่อนเอาไว้

เพราะความจริงนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว อะไรที่ไม่ใช่ความจริง อย่างไรเสียก็ต้องเผยพิรุธออกมาจนได้

อนุชา แก้วคำมา เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน