สดจากสนามข่าว

พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี, พิรยุทธ นิ่มนนท์ ชาญพงษ์ บุญอุทิศ เรื่อง/ภาพ

การสืบสวนหาตัวคนร้ายตำรวจนักสืบที่มีประสบการณ์จะไม่มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพราะมันอาจเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญ คดีใหญ่ๆ หลายคดีเจ้าหน้าที่ก็อาศัยสิ่งเหล่านี้ เป็นตัวเชื่อมโยงเหตุการณ์ปะติดปะต่อเรื่องราว จนนำไปสู่การพิชิตคดีมาแล้ว

เช่นเหตุการณ์ระเบิดตู้เอทีเอ็ม บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตประเวศ กทม. เมื่อ 04.30 น. วันที่ 13 ก.ย. แม้คนร้ายใช้วิธีการแปลกใหม่ลงมือก่อเหตุ แต่ก็ไม่รอดพ้นฝีมือตำรวจไทย

วันเวลาดังกล่าว ร.ต.ท.กิติพงศ์ สุนทรวิภาต รอง สว.(สอบสวน) สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดตู้เงินสดอัตโนมัติ หรือเอทีเอ็ม บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขากรุงเทพกรีฑา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ กำลังสายตรวจ 191 กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ.บช.น.

ที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ ซ.กรุงเทพกรีฑา 35 บริเวณลานจอดรถใกล้กับประตูทางเข้า พบตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ สภาพพังเสียหายแตกกระจัดกระจาย กว่า 30 เมตร จากนั้นเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิดและ พฐ.จึงเข้าตรวจสอบเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน

จากการสอบสวนนายทองทิว ชื่นขำ อายุ 58 ปี อาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท สยามวารินทร์ ชิปปิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้การว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส เวลาประมาณ 03.30 น. ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น จึงรีบมาดู ก็พบว่ามีเพลิงไหม้อยู่บริเวณตู้เอทีเอ็ม

จากนั้นเห็นรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ ไม่ทราบทะเบียน ผู้ขับขี่เป็นชาย รูปร่างสูง สวมเสื้อแจ๊กเกตสีดำ กางเกงสีดำ ใส่หมวกกันน็อกสีขาว และมีกล่องเหล็ก 1 กล่อง ขับออกมาจากห้างมุ่งหน้า ถ.ศรีนครินทร์

คดีนี้คนร้ายใช้ระเบิดในการก่อเหตุ ทำให้อาจมีส่วนเชื่อมโยงในเรื่องความมั่นคง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงให้ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีให้กระจ่างโดยเร็ว

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนประชุมร่วมกับ พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. (ยศขณะนั้น) พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ และทีมสืบสวนคลี่คลายคดี

ตอนแรกเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายใช้ระเบิดอาจเป็นซีโฟร์ หรือทีเอ็นที แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบสารประกอบระเบิด อีกทั้งเมื่อ พฐ.นำชิ้นส่วนตู้เอทีเอ็มมาตรวจสอบร่องรอยระเบิดพบว่าเป็นการระเบิดออกมาจากภายในตู้ จึงเชื่อได้ว่าเป็นการประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่าประเด็นความมั่นคง

พล.ต.ท.ศานิตย์เปิดเผยว่า คนร้ายได้เงินไป 314,100 บาท เป็นธนบัตร 1,000 และ 100 บาท ส่วนกล่องธนบัตร 500 ไม่ได้นำไปด้วย ซึ่งคนร้ายอาจจะรีบร้อน

เมื่อไล่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดหาตัว จยย.ต้องสงสัย ก็ได้ข้อมูลว่าคนร้ายมีแค่คนเดียว ลักษณะท้วม สวมหมวกกันน็อกสีขาว เสื้อแจ๊กเกตสีดำ กางเกงสีดำ สะพายกระเป๋าเป้ ขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีดำเข้ามายังที่เกิดเหตุเวลาประมาณ 03.28 น. และขับออกไปเวลาประมาณ 03.33 น. โดยใช้เวลาการก่อเหตุเพียง 5 นาทีเท่านั้น ก่อนจะหลบหนีไป มุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์

ตร.สงสัยว่าคนร้ายน่าจะทิ้งเป้ไประหว่างหลบหนีในซอยกรุงเทพกรีฑา 15/1 ตำรวจตรวจสอบท้ายซอยซึ่งเป็นสระน้ำ จึงให้นักประดาน้ำดำตรวจสอบจนไปพบกระเป๋าเป้ดังกล่าว เมื่อตรวจสอบในเป้พบของกลางหลายรายการ แต่ที่สำคัญคือซองพลาสติกใส่ขนมปังยี่ห้อหนึ่งจำนวน 3 ถุง ที่มีขายเฉพาะในร้านสะดวกซื้อ โดยหมดอายุระหว่างวันที่ 9-13 ก.ย.

ชุดสืบสวนออกตรวจสอบร้านสะดวกซื้อ ว่ามีการจำหน่ายขนมปังยี่ห้อดังกล่าวทีเดียว 3 ชิ้น ให้ห้วงวันที่ 9 ก.ย.ถึงวันที่ 13 ก.ย. ให้กับลูกค้ารายใดบ้าง พบว่าบริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ สาขาโรงเรียนลำสาลี ระหว่างซอยกรุงเทพกรีฑา 5 และซอยกรุงเทพกรีฑา 7 จำหน่ายขนมปังยี่ห้อดังกล่าว 3 ชิ้น เมื่อวันที่ 11 ก.ย. เวลาประมาณ 18.22 น.

แล้วก็โป๊ะเชะ เมื่อวงจรปิดในร้านพบมีชาวต่างชาติคนหนึ่งเป็นคนซื้อ โดยพบว่าชายคนดังกล่าวขี่รถ จยย.รุ่นและสีคล้ายกับของคนร้าย

ตำรวจไล่วงจรปิดตามเส้นทางจนชายดังกล่าวขี่รถหายไปในซอยรามคำแหง 50 เมื่อนำภาพไปไล่เช็กดูก็มีคนจำได้ว่าคือ นายกราคยาน พาเวล สแตนิช เซวสกี้ อายุ 36 ปี สัญชาติโปแลนด์ พักอาศัยอยู่ภายในห้องพักเลขที่ 106 ษริษัท มานูก้า จำกัด อพาร์ตเมนต์ซอยรามคำแหง 52 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯกับภรรยาชาวกัมพูชา แต่เจ้าตัวพาภรรยากลับไปเยี่ยมบ้านเกิด

ชุดสืบสวนวางกำลังดักซุ่มอยู่หลายวัน จนในที่สุดเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ก็พบนายสแตนิชย้อนกลับมาที่ห้องพักจึงเข้าควบคุมตัว ซึ่งตอนแรกนั้นเจ้าตัวปฏิเสธลูกเดียว แต่เมื่อไปค้นห้องพักกลับพบหลักฐานที่ใช้ในการก่อเหตุ สุดท้ายก็ยอมจำนนต่อหลักฐาน

คดีนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดแถลงรายละเอียดด้วยตนเอง โดยระบุว่าวิธีการที่คนร้ายใช้เป็นวิธีใหม่ในเมืองไทย แต่พบมีก่อเหตุในต่างประเทศ โดยจะใช้ลูกโป่งบรรจุก๊าซไฮโดรเจน มาอัดใส่ตู้เอทีเอ็มก่อนจุดชนวนให้ระเบิด ซึ่งผู้ต้องหารับว่าดูวิธีมาจากอินเตอร์เน็ต ซึ่งในห้องพักในวันที่เข้าจับกุมยังพบอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ก่อเหตุได้อีก 2-3 ครั้ง

สุดท้ายแล้วอาชญากรก็ทิ้งร่องรอยไว้ให้ตามสืบจับจนได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน