คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
อุทาหรณ์โจรไม่กลับใจ – ‘คุก’ นอกจากจะมีวัตถุประสงค์หลักในการกักกันจำกัดอิสรภาพของ ผู้กระทำผิดอาญาบ้านเมืองแล้ว ยังมุ่งหวังให้ผู้กระทำผิดเหล่านั้นได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้เป็นสุจริตชนหลังชดใช้กรรมตามกฎหมายครบถ้วนแล้ว
กราบขอขมาสรีระหลวงพ่อพูลเกจิดัง
แต่โลกหลังกำแพงที่เคยเข้าไปใช้ชีวิตอยู่พักใหญ่ ไม่ได้ช่วยทำให้นายสมคิด หรือ ติ่ง แต้มงาม ชายวัย 33 ปี ได้รู้สึกหลาบจำสักนิดเดียว เพราะเพิ่งก้าวเท้าออกมาจากเรือนจำไม่กี่เดือน ก็ก่อเหตุอาชญากรรมแบบเดิมนับไม่ถ้วน
ย้อนกลับไปวันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.ภ.7 พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ พ.ต.อ.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล รอง ผบก.สส.บช.ภ.7 พ.ต.อ.สุภาพ วัยนิพิฐพงษ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.ภ.7 ชุดสืบสวนบช.ภ.7 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นครปฐม ชุดสืบสวนกก.สส.บก.น.9 และสน.บางขุนเทียน ร่วมกันจับกุมนายสมคิด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
พฐ.เก็บหลักฐานในวันเกิดเหตุ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลักทรัพย์พระเครื่อง และเงินบริจาคในวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้ทรัพย์สินไปกว่า 200,000 บาท
กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายได้ชัดเจน พบแผนประทุษกรรมของคนร้ายงัดหน้าต่างปีนเข้ามาลักทรัพย์ แล้วหลบหนีโดยใช้รถยนต์สาธารณะ
พฤติการณ์คนร้ายและวิธีลงมือมีลักษณะตรงกับไอ้ตีนแมววัดหนังราชวรวิหาร ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน
หลังตรวจสอบรูปพรรณสัณฐานคนร้าย ก็ชัดเจนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือนายสมคิดผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ที่ถูกจับกุมตัวเมื่อปี 2559 ที่ตระเวนปีนฝ้าเพดานร้านขายโทรศัพท์ 11 แห่ง แล้วโรยตัวเข้าไปลักโทรศัพท์มือถือกว่า 200 เครื่อง จนตำรวจตั้งฉายาว่า ‘คิด สไปเดอร์แมน’
ของกลางวัตถุมงคลวัดดัง
เจ้าหน้าที่พบว่าเพิ่งพ้นโทษจากคดีเก่าถูกปล่อยตัวสู่โลกภายนอก เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา จึงสืบสวนกระทั่งพบเบาะแสว่ากบดานที่หอพักไม่มีชื่อ ถ.พระราม 2 ซอย 59 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ จึงนำกำลังไปล้อมจับตัวเมื่อกลางดึกวันที่ 16 ธ.ค.
พร้อมของกลางพระเครื่องของวัดหนังราชวรวิหาร จำนวน 735 รายการ พระเครื่องวัดท่าไม้ 12 รายการ มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังษี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา 169 รายการ พระเครื่องวัดไผ่ล้อม 7 รายการ เงินทำบุญวัดไผ่ล้อม 4,553 บาท
นอกจากนั้น ยังพบแผ่นกระดาษเขียนด้วยลายมือนายสมคิด 3 แผ่น ระบุถึงพระเครื่องและของโบราณตามวัดดังๆ หลายแห่ง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
วงจรปิดหลักฐานมัดตัว
‘คิด สไปเดอร์แมน’ สารภาพว่า เสพติดหนังแอ๊กชั่นประเภทแต่งกายอำพรางโรยตัวเข้าโจรกรรมทรัพย์สินอันเป็นที่มาของฉายาจากตำรวจ
หลังถูกจับคดีงัด 11 ร้านโทรศัพท์ ก็ถูกศาลตัดสินจำคุก 8 เดือน แต่ถูกอายัดตัวไว้ดำเนินคดีอื่นอีกรวมกว่า 3 ปี
เมื่อพ้นโทษออกมาได้ก็ใช้เวลา 2 เดือน ที่ได้รับอิสรภาพออกจากเรือนจำ ตระเวนไปสำรวจลาดเลาตามวัดดังต่างๆ โดยใช้รถโดยสารสาธารณะเป็นยานพาหนะ ทำทีตีสนิทกับคนในวัด รวมถึงพระสงฆ์ที่ดูแล ตู้วัตถุมงคล เพื่อจดรายละเอียดเกี่ยวกับ พระเครื่อง
วางแผนก่อเหตุร่วมกับพวกที่กำลังรอพ้นโทษจากเรือนจำ แต่อดใจไม่ไหวลงมือก่อนด้วยตัวคนเดียวถึง 4 วัด ได้แก่ วัดหนังราชวรวิหาร เขตบางขุนเทียน, วัดท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร, มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) เมตตา บารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา และวัดไผ่ล้อมเป็นแห่งสุดท้ายก่อนถูกตำรวจตามไปลากคอมาได้
การลงมือก็ยังคงใช้วิธีถนัดคือโรยตัวเข้าไปก่อเหตุ มีเพียงวัดไผ่ล้อมเท่านั้นไม่อาจใช้วิธีการปีนป่ายแบบเดิม เพราะวัดเป็นมณฑปไม่สามารถปีนฝ้าเพดานได้ เลยเปลี่ยนวิธีใช้คีมตัดเหล็กทุบกระจกหน้าต่างแล้วปีนเข้าไปก่อเหตุแทน
อ้างทำไปเพื่อต้องการนำเงินมาใช้จ่าย เนื่องจากติดพนันฟุตบอล จึงต้องหาเงินมาใช้หนี้สินและเล่นพนัน
หลังแถลงข่าวจับกุมตัวเสร็จ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม ดำเนินคดี
จ.ม.นัดเพื่อนคุกและรายการวัดเป้าหมาย
สุดท้าย ‘คิด สไปเดอร์แมน’ ก็ต้อง กลับเข้าไปอยู่กับเพื่อนร่วมมิจฉาชีพในคุกอีกครั้งและคราวนี้น่าจะต้องอยู่ยาวกว่า แต่ก่อน
เพราะทำผิดซ้ำซากไม่รู้จักสำนึกผิด ไม่ยอมกลับตัวกลับใจประพฤติตนเป็นพลเมืองดีตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของกฎหมาย
