ย้อนคดีจ่าคลั่งกราดยิง สยองกลางเมืองโคราช – เป็นคดีใหญ่แห่งปี 2563 อย่างแน่แท้
สำหรับกรณีจ่าคลั่งไล่กราดยิงประชาชน ไล่ไปตั้งแต่บ้านพักผู้บังคับบัญชา ค่ายทหาร มาจนถึงห้างดังกลางเมืองโคราช
มีผู้สูญเสียจากเหตุการณ์นี้กว่า 30 ชีวิต
นอกจากเป็นเรื่องช็อกที่สร้างความเสียหายมากมายแล้ว เมื่อสอบสวนรื้อสาเหตุความรุนแรงครั้งนี้ลึกลงไป ก็ต้องตกตะลึงว่าเกิดจากความคับแค้นของนายทหารชั้นผู้น้อย ที่มีต่อผู้บังคับบัญชา
ในเรื่องการจัดซื้อบ้านสวัสดิการกองทัพบก ในราคา 1.1 ล้านบาท แต่จากการตกลงภายในระบุว่าสามารถกู้เงินได้ถึง 1.5 ล้านบาท
เท่ากับว่ามีเงินทอนที่จะต้องกลับคืนมาสู่จ่าทหารรายนี้อีก 4 แสนบาท
แต่เจรจากันจนแล้วจนรอด เงินก้อนดังกล่าวก็ไม่มาถึง กลายเป็นความกดดันอย่างใหญ่หลวง และตัดสินใจก่อเหตุระทึกขวัญคนทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุสลดครั้งนี้ ก็มีการตรวจสอบถึงบ้านสวัสดิการที่จ่าทหารไปซื้อ ว่าคุณภาพและทำเลควรจะมีมูลค่าขนาดนั้นหรือไม่
ลำเลียงตัวประกัน
รวมทั้งการแฉเรื่องขบวนการเงินทอนกันเป็นฉากๆ ก่อนจะเลือนหายไปหลังทบ.ออกมายืนยันว่าทุกอย่างของกองทัพโปร่งใส
เช่นเดียวกับคำสั่งปฏิรูปกองทัพของพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. ที่ให้สัมภาษณ์ขึงขังไล่ทหารเกษียณพ้นบ้านหลวง
แต่สุดท้ายคนระดับนายกรัฐมนตรี ยังพักอาศัยอยู่บ้านหลวง แม้จะเกษียณอายุราชการไปแล้วถึง 6 ปี
สะท้อนให้เห็นว่าการกระทำกับคำพูดล้วนสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
จ่าคลั่งกราดยิงดับ 30 ศพ
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 8 ก.พ. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา รับแแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 187 ม.3 บ้านถนนหัก ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา
รอยกระสุน
ที่เกิดเหตุพบศพพ.อ.อนันต์โรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผบ.พัน กระสุน 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 (บชร.2) ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 63 ปี แม่ยายของพ.อ.อนันต์โรจน์ และพบนายพิทยา แก้วพรม นายหน้าที่ดิน ซึ่งเป็นลูกน้องนางอนงค์ ถูกยิงบาดเจ็บ
ซึ่งผู้ก่อเหตุคือ จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารหน่วยกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ลูกน้องของพ.อ.อนันต์โรจน์
โดยปมการฆ่าโหดครั้งนี้เกิดจากที่จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ไปกู้เงินสวัสดิการกองทัพบก เป็นเงิน 1.5 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อบ้านในโครงการที่นางอนงค์ เป็นเจ้าของในราคา 1.1 ล้านบาท โดยมีข้อตกลงว่าจะได้เงินส่วนต่าง หรือเงินทอนจำนวน 4 แสนบาทคืน
แต่รอแล้วรอเล่า ติดตามทวงถามไปกี่ครั้งก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งมีการนัดหมายมาเจรจา โดยมีเจ้านายของจ.ส.อ.จักรพันธุ์ มาเป็นพยานร่วมไกล่เกลี่ย สุดท้ายก็เหลวอีก จนเป็นเหตุให้จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ใช้ปืน 9 ม.ม. ที่เตรียมมายิงทั้งหมดด้วยความแค้น
หลังก่อเหตุคนร้ายก็ขับรถเก๋งของตัวเอง มุ่งหน้าไปที่กองพันสรรพาวุธที่ 22 ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ใช้ปืนจี้ทหารยาม ยึดปืนเอชเค พร้อมแม็กกาซีน ก่อนบุกยังไปกองพัน ยิงพลทหารโชคชัย มูลจันทา ทหารเวรรักษาคลังอาวุธปืนบาดเจ็บ แล้วขนอาวุธปืนใส่รถเก๋ง ขับไปหลังกองพัน เพื่อเปลี่ยนรถเป็นรถจี๊ปตรวจการณ์ของทหาร ทะเบียนกงจักร 2563 ขับพุ่งชนคลังกระสุน แล้วขโมยกระสุนขนาด 5.56 ม.ม. 736 นัด ชุดประคองสายกระสุนเอ็ม 60 รวม 3 สาย
ไลฟ์สดขณะก่อเหตุ
จากนั้นขับรถตรวจการณ์หนีออกมาหน้าค่าย ไปทางถนนทางหลวง 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี โดยตำรวจสายตรวจสภ.โพธิ์กลาง พยายามสกัดด้วยการขับรถจอดขวางทาง แต่จ่าปืนโหดก็ใช้อาวุธสงครามที่ปล้นมาจากกองพัน ยิงเปิดทาง แล้วขับรถเปลี่ยนเส้นทางออกไปทางด้านหลังค่าย มุ่งหน้าไปทางวัดป่าศรัทธารวม
เมื่อถึงประตูด้านหลัง จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ที่ใช้ปืนกลเอ็ม 60 ยิงกราดใส่รถของด.ต.ชัชวาลย์ แท่งทอง ที่เข้ามาระงับเหตุ จนเสียชีวิตคาพวงมาลัยพร้อมกับอาสาสมัครตำรวจบ้าน พร้อมยึดวิทยุสื่อสารไปเพื่อดักฟังความเคลื่อนไหวของตำรวจ
แล้วกราดยิงประชาชนที่สัญจรไปมาเสียชีวิตอีกหลายศพ
ก่อนบุกไปที่ห้างเทอร์มินอล 21 ก็ลงจากรถตรวจการณ์ กราดยิงใส่รถที่วิ่งไปมา และถ่ายไลฟ์เฟซบุ๊ก พร้อมพิมพ์ข้อความ ประกาศว่าจะสู้จนตัวตาย
สถานการณ์ดุเดือดท่ามกลางตัวประกันนับพันราย!!
ตร.บุกจับตายคาห้างดัง
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รับผิดชอบสถานการณ์ หลังจากตำรวจท้องที่ ไล่ตามสกัดจ.ส.อ.จักรพันธุ์ มาตลอด จนเข้าไปกบดานภายในห้างเทอร์มินอล 21 ในช่วงค่ำ 4 หน่วยพิเศษ ประกอบด้วย หน่วยหนุมาน จากกองปราบปราม อรินทราช 26 จากบช.น. นเรศวร 261 จากบช.ตชด. และคอมมานโด 904 จากตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 รอ. ถูกตามตัวบินด่วนมาร่วมปฏิบัติการในภารกิจนี้
จนท.บุกเข้าห้าง
โดยมีพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองผบ.ตร. เป็นผู้วางยุทธศาสตร์ เริ่มต้นให้ลำเลียงประชาชนที่ติดอยู่ออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งจากการเช็กวงจรปิด และบินโดรนภายในอาคาร พบว่าคนร้ายอยู่ที่ชั้นล่างเป็นหลัก โดยมีการเดินขึ้นลงระหว่างชั้นบ้าง และไม่ได้จับใครเป็นตัวประกัน แต่พร้อมที่จะใช้ประชาชนที่ติดอยู่เป็นโล่มนุษย์
จึงมอบหมายให้ชุดหนุมาน รับผิดชอบช่วยเหลือประชาชน โดยเริ่มเคลื่อนเข้าห้างในเวลา 22.30 น. ใช้รถดับเพลิง และรถกระเช้า เป็นที่กำบังกระสุน เคลื่อนพลเข้าไปช้าๆ เมื่อถึงแล้วแยกตามชั้นต่างๆ นำข้อมูลที่รับแจ้งจากโซเชี่ยลมีเดีย ช่วยประชาชนส่วนใหญ่ออกมาได้ปลอดภัย
จากนั้นเวลา 23.09 น. ชุดปฏิบัติการอีก 3 หน่วยเข้าพื้นที่เตรียมปะทะ ใช้โดรนบินสำรวจ แต่ก็ถูกจ่าคลั่งยิงโดรนพังเสียหาย จนต้องอาศัยโดรนของผู้สื่อข่าวเพื่อกำหนดจุดคนร้าย
ต่อมาเวลา 01.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. นำกำลังเข้าตรึงพื้นที่ พร้อมเป็นบก.ส่วนหน้า กำกับสถานการณ์ด้วยตัวเอง จนกระทั่งเวลา 03.00 น. ชุดอรินทราช 26 รุกคืบไปยังชั้นแอลจี ที่คนร้ายกบดาน แต่ถูกคนร้ายยิงสาดออกมา กระสุนถูกร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา และด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย เสียชีวิต
ถ่ายเซลฟี่ขณะก่อเหตุ
แต่ปฏิบัติการยังคงเดินหน้า ชุดอรินทราช 26 ลุยตรวจชั้นแอลจี ระหว่างนั้นยังพบคนติดอยู่เป็นระยะ เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือออกมาได้นับสิบราย
กระทั่งเวลา 08.50 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่บีบพื้นที่จนถึงชั้นในสุด เหลือเพียงแค่ห้องไฟฟ้า และห้องเย็น คนร้ายก็เปิดประตูห้องเย็นออกมายิงต่อสู้กับตำรวจ จนกระทั่งถูกจับตาย
ปิดฉากคืนหฤโหด ที่ต้องสังเวยไปถึง 30 ชีวิต
เปิดปมคลั่ง-ถูกเบี้ยวเงินทอน
หลังจากเหตุการณ์คลี่คลายได้ไประดับหนึ่ง ก็เริ่มมีการขุดคุ้ยว่ามูลเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ก่อเหตุรุนแรงได้ถึงเพียงนั้น
ก็มาพบว่าชนวนเหตุอยู่ที่การกู้เงินอบท.เคหะสงเคราะห์ ของกรมสวัสดิการทหารบก ที่กำหนดให้เงินกู้ทหารไปสร้างบ้าน แต่ต้องมีที่ดิน มีการสร้างบ้านจริง นายทหารชั้นผู้น้อยส่วนใหญ่จึงไปติดต่อกับธุรกิจบ้านจัดสรร เพื่อให้ครบเงื่อนไขการขอกู้
ซึ่งกรณีของจ.ส.อ.จักรพันธุ์ ก็ดำเนินการเช่นเดียวกัน โดยไปติดต่อขอกู้เงินจากอบท.เคหะสงเคราะห์ โดยมีมีพ.อ.อนันต์โรจน์ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้เสนอเรื่องให้อนุมัติ และมี นางอนงค์ แม่ยาย ที่ทำธุรกิจบ้านจัดสรร มาช่วยติดต่อ
โดยข้อตกลงกันว่าจากการกู้เงิน 1.5 ล้านบาท จะต้องจ่ายเป็นค่าที่ดิน และค่าก่อสร้างบ้าน รวมแล้ว 1.1 ล้านบาท และจะต้องมีส่วนต่าง 4 แสนบาทที่คืนให้กับจ.ส.อ.จักรพันธุ์ แต่จนแล้วจนรอดเงินจำนวนดังกล่าวก็มาไม่ถึงมือจ.ส.อ.จักรพันธุ์ แม้จะไปทวงถามหลายครั้ง
กราดยิงหน้าห้าง
และเมื่อตรวจสอบลึกลงไปก็พบว่า บ้านของจ.ส.อ.จักรพันธุ์ นั้นเป็นที่ไร่ข้าวโพด ห่างจากถนนใหญ่ ที่มีมูลค่าที่ดินและค่าก่อสร้างไม่น่าเกิน 8 แสนบาท เท่ากับว่ามีส่วนต่างอีกประมาณ 7 แสนบาท ซึ่งเงินตรงนี้ไปอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้
ส่วนจะมีการต้องจ่ายเป็นค่าหัวคิวให้ใครอนุมัติหรือไม่ ก็ไม่มีการยืนยัน
ขณะที่พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบกในขณะนั้น ระบุว่า ขั้นตอนการกู้เงินนั้นเป็นไปตามระเบียบที่ผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นของหน่วย สามารถดำเนินการยื่นได้ที่หน่วยโดยตรง ส่วนทำไมถึงอนุมัติเงินกู้ในวงเงินที่สูงกว่าระดับเงินเดือนนั้น คิดว่าอยู่ที่การประเมินราคาจากที่ดินบางส่วน หรือราคาบ้านบางส่วน ทุกอย่างมีระเบียบกำหนดไว้ชัดเจน ไม่มีส่วนต่างหรือเงินทอนอะไรทั้งสิ้น
ด้านพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ขณะนั้น แถลงข่าวจะปฏิรูปการหารายได้และผลประโยชน์ของกองทัพ ลงนามกับกระทรวงการคลังในการใช้ที่ราชพัสดุเป็นโครงการสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยนำเงินและรายได้กลับเข้าสู่กระทรวงการคลัง พร้อมยกเลิกการจัดซื้อปืนสวัสดิการทุกชนิดของกองทัพบก
ตรวจสอบความเสียหาย
“ทหารไม่จำเป็นต้องมีปืนส่วนตัว เพราะมีปืนหลวงที่ถูกเก็บรักษาและจะมีการแจกจ่าย ซึ่งแต่เดิมมีไม่รู้กี่โครงการ ทหารมีบ้านมีที่พักให้กับกำลังพลเพียงพอ รับราชการ 20-30 ปี ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน เพื่อให้มีเวลาเก็บเงินไปซื้อบ้านของตัวเองหลังเกษียณอายุราชการ ขีดเส้นตายภายในเดือน ก.พ. 63 ผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ทหาร และย้ายจากกองทัพบกไปอยู่หน่วยงานใดก็ต้องย้ายออก เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่”
เป็นคำประกาศเมื่อต้นปี 2563 แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็ยังพักอยู่บ้านหลวงในค่ายทหาร ซึ่งได้รับคำรับรองจากศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่าดำเนินการได้
ก็ต้องดูกันว่าจะอีกนานเท่าไหร่ ที่ทหารชั้นผู้น้อยจะได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยงนี้บ้าง
ไม่ให้หมดความอดทน จนเกิดเหตุสลดเช่นนี้ขึ้นมาอีก
