คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ตร.ปิดคดีสยองดอยเต่า – เสียงโทรศัพท์ที่ดังแผ่วๆ ออกมาจากเมรุเผาศพในสุสาน บ้านสันบ่อเย็น ต.โป่งทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ทำให้นายสมบัติ ไชยวงค์ กับชาวบ้านอีก 3-4 คนถึงกับมองหน้ากันด้วยความเสียวผวา ทั้งหมดตั้งใจฟังเสียงเรียกจากเมรุ กระทั่งมั่นใจว่าเสียงที่ดังมาจากในเมรุเป็นเสียงโทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอน จึงพากันเปิดประตูออกดูจนเป็นที่มาของคดีสยองดอยเต่า

ตร.ปิดคดีสยองดอยเต่า ฆ่าสาวใส่ถัง-ซุกในเมรุ หลานชายอ้างหลอนยา

เจอศพในเมรุ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. พ.ต.ท.ภาวิน ขาวหล้า พนักงานสอบสวน สภ.แม่กา อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่า พบคนถูกฆ่าตายยัดถังซุกในเมรุเผาศพ บ้านสันบ่อเย็น ต.โป่งทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นและรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการเชียงใหม่ สืบสวนภาค 5 แพทย์เวร ร.พ.ดอยเต่า

ที่เกิดเหตุพบศพ นางอาคร สมคำ อายุ 59 ปี ที่อยู่ 75 หมู่ 2 บ้านสันบ่อเย็น ต.โป่งทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ สภาพศพอยู่ในถังพลาสติกสีน้ำเงิน ซุกซ่อนไว้ภายในเมรุเผาศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนำศพออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด ในตัว ผู้ตายพบโทรศัพท์มือถือ เงินสดประมาณ 200 บาท และของใช้ส่วนตัว

ตร.ปิดคดีสยองดอยเต่า ฆ่าสาวใส่ถัง-ซุกในเมรุ หลานชายอ้างหลอนยา

นางอาคร สมคำ ผู้ตาย

จากการสอบถามนายสมบัติ ไชยวงค์ ชาวบ้านที่พบศพ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทางญาติของนางอาคร ได้ประกาศให้ชาวบ้านช่วยกันตามหาตัวนางอาคร เพราะหายออกจากบ้านติดต่อไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนกับชาวบ้านก็ได้ช่วยกันออกตามหา กระทั่งตนกับชาวบ้านอีก 3-4 คนเดินมาบริเวณใกล้เมรุเผาศพจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากด้านในเมรุ

เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเรียกเพื่อนชาวบ้านที่มาด้วยมาช่วยกันฟัง จนกระทั่งมั่นใจว่าเสียงโทรศัพท์ดังมาจากในเมรุ จึงได้เปิดดูก็พบถังแกลลอนอยู่ในเมรุ และศพของนางอาคร ถูกยัดไว้ในถัง ก่อนจะแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ตร.ปิดคดีสยองดอยเต่า ฆ่าสาวใส่ถัง-ซุกในเมรุ หลานชายอ้างหลอนยา

เมรุที่เกิดเหตุ

ขณะที่ น.ส.อารีย์ พุทธนะ น้องสาวของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า นางอาคร อาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง โดยช่วงเช้าของวันที่ 22 ธ.ค. ทราบว่าพี่สาวได้ออกจากบ้านไปตกปลาและไม่กลับเข้าบ้าน ตอนนั้นตนคิดว่านางอาครไปเยี่ยมลูกสาวที่ในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ต่อมาทางลูกสาวของนางอาครกลับติดต่อมาบอกตนว่าติดต่อ นางอาครไม่ได้เช่นกัน เมื่อโทร.มือถือ ก็ไม่มีคนรับสาย ไม่มีใครพบเห็นหรือติดต่อได้อีก ตนจึงแจ้งให้ผู้นำชุมชนประกาศให้ชาวบ้านช่วยกันตามหา และก็พยายามโทร.หาทางมือถือเป็นระยะๆ ก่อนจะพบศพที่เมรุในป่าช้า ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเพียงประมาณ 500 เมตร

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 นำชุดสืบสวนภาค 5 ลงพื้นที่ร่วมคลี่คลายคดี โดยนำกำลังไปตรวจสอบที่บ้านของผู้ตายและบ้านญาติๆ ที่อยู่ติดๆ กัน

ตร.ปิดคดีสยองดอยเต่า ฆ่าสาวใส่ถัง-ซุกในเมรุ หลานชายอ้างหลอนยา

เก็บตัวอย่างผู้ต้องสงสัย

ก่อนจะพบหลักฐานสำคัญเป็นถังพลาสติกและผ้าใบพลาสติกลักษณะคล้ายกับที่คนร้ายใช้ในการอำพรางศพอยู่ในบ้านของน้องชายและหลานชายของนางอาครที่อยู่ติดกับบ้านของนางอาครและสร้างในพื้นที่เดียวกัน โดยเบื้องต้นทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ น้องชายและหลานชายที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปสอบเค้น พร้อมเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและ พิมพ์ลายนิ้วมือไปเปรียบเที่ยบกับ หลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ

บ่ายวันรุ่งขึ้นตำรวจก็ปิดคดีลงได้ โดย พ.ต.อ.ธวัชชัยเผยว่า หลังนำตัว นายธานิน ใหม่ปา อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของนางอาครมาสอบสวนปากคำ จนในที่สุดเจ้าตัวก็ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่านางอาคร ซึ่งเป็นน้าสาวของตน โดยสาเหตุเนื่องจากตนติดยาหนัก เคยเข้าออกคุกมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งนี้เพิ่งออกจากคุกมาอยู่บ้านได้ไม่นาน แต่ก็ยังอยากเสพยาอยู่ วันเกิดเหตุคือวันที่ 22 ธ.ค. ตนเสพยาบ้ามาหลายเม็ดและเกิดอาการหลอน เห็นคนจะมาทำร้าย จึงเดินออกจากบ้านมาที่บ้านนางอาคร ซึ่งอยู่ติดกัน

ตร.ปิดคดีสยองดอยเต่า ฆ่าสาวใส่ถัง-ซุกในเมรุ หลานชายอ้างหลอนยา

นายํธานิน ใหม่ปา หลานโหด

ก็เห็นนางอาครอยู่บ้าน แต่ตนมองเห็นเป็นคนอื่นจะเข้ามาทำร้าย จึงจับล็อกคอและต่อยที่หน้าไม่ยั้งจนแน่นิ่งก่อน เสียชีวิต ด้วยความกลัวจึงลากศพใส่รถเข็นแล้วยัดใส่ถัง ก่อนนำไปที่เมรุ เพื่อหวังเผาอำพรางคดี ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาพบศพและกลายเป็นเรื่องราว

พ.ต.อ.ธวัชชัยเผยอีกว่า เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือฆ่าและอำพรางศพเอง เนื่องจากเสพยาเสพติดมากจนเกิดอาการหลอน เห็นน้าตัวเองเป็นคนอื่น โดยรับว่าทำเพียงคนเดียว ซึ่งตรงนี้ถือเป็นคำรับสารภาพเบื้องต้น เราจะสอบสวนเพิ่มเข้าไปอีก ถึงประเด็นอื่นๆ และก็จะขอหมายจับเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับคนร้ายต่อไป

จะเป็นเพราะหลอนยาจนก่อเหตุ หรือก่อเหตุเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง ก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน เพราะความจริงย่อมมีเพียงหนึ่งเดียว

กฤษณะ เชิญธงไชย
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน