คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ตร.ไซเบอร์จับหนุ่มแสบ – ภายหลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ขึ้นมา ก็มีผลงานการจับกุมทยอยออกมาให้ได้ประจักษ์ถึงฝีมือและความตั้งใจในการทำหน้าที่อย่างจริงจัง
นาทีจับกุม
ย้อนไปเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่ห้องประชุมกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.สอท.) พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา (ผบก. สอท.5 ) พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ (ผกก.3 บก.สอท.5) พ.ต.ท.อาทิตย์ ชาตินักรบ (สว.กก.1 บก.สอท.5) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.สอท.5) ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายเอกลักษณ์ ชนะสัตย์ อายุ 23 ปี หนุ่มชาว ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่
หลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม เลขที่หมายจับ 393/2563 ลงวันที่ 23 ธ.ค. 2563 ในฐาน ความผิด “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น, นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ, ฉ้อโกงโดยแสดงตัวเป็นบุคคลอื่น,และฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
พล.ต.ต.ชรินทร์เปิดเผยถึงที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวว่า สืบเนื่องจาก ผู้เสียหายซึ่งเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนสภ.สามพราน จ.นครปฐม ว่าถูกคนร้ายแฮ็กเฟซบุ๊กไปหลอกยืมเงินผู้เสียหายรายอื่นๆ จนเกิดความเสียหายกว่า 500,000 บาท
คุมดำเนินคดี
หลังรับแจ้งความพนักงานสอบสวนสภ.สามพราน ได้ประสานความร่วมมือมายัง กก.5 บช.สอท. ให้สืบสวนติดตาม กระทั่งทราบไอพีของเครื่อง คอมพ์ที่ใช้ก่อเหตุว่ามาจากร้านอินเตอร์ เน็ตแห่งหนึ่ง ตำรวจไปตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งขอภาพวงจรปิดในร้านจนทราบข้อมูลผู้ต้องหาที่ปลอมเฟซบุ๊กหลอกโอนเงินคือ นายเอกลักษณ์ จึงขยายผล จนจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางกลับจาก จ.กระบี่
พล.ต.ท.กรไชยกล่าวว่า สอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุแฮ็กเฟซบุ๊กของแพทย์คนดังกล่าวจริง โดยจะออกอุบายอ้างว่าจะขอฝากงานผ่านอีเมล์ จากนั้นก็จะขอเลข OTP จากผู้เสียหาย แล้วก็จะนำไปเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านในอีเมล์ เมื่อเข้าบัญชีเฟซบุ๊กของ ผู้เสียหายได้แล้วก็จะรีบเปลี่ยนรหัสผ่าน ก่อนสุ่มทักแช็ตไปขอยืมเงินจากเพื่อนสนิทในเฟซบุ๊ก และให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่จัดเตรียมไว้
เหยื่อขอบคุณตำรวจ
โดยบัญชีที่เตรียมไว้ก็ได้หลอก ผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มคนเล่นเกมออนไลน์ โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของเกมแร็กนาร็อกเถื่อนจะชวนมาทำเกมด้วยกัน เมื่อทาง ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีก็จะให้ทางกลุ่มคนเล่นเกมไปซื้อบัตรทรูมันนี่และให้ส่งรหัสให้ จากนั้นก็จะเอาไปเข้าระบบทรูวอลเล็ตแปลงเป็นเงินเพื่อใช้จ่ายและเล่นการพนัน
หลักฐานในร้านเน็ต
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่าได้เริ่มก่อเหตุตั้งแต่ปลายปี 2562-2563 และเคยถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก อยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดีโดยในชั้นอุทธรณ์ได้ขอให้ศาลบรรเทาโทษ ซึ่งคดีนี้คนร้ายจะก่อเหตุโดยใช้บริการผ่านร้านอินเตอร์เน็ตเพื่อให้ยากแก่การติดตามตัว
คดีนี้มีผู้เสียหายทั้งหมด 323 ราย แบ่งเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน 208 ราย ก่อเหตุสำเร็จ 28 ราย คดีเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ 114 ราย ก่อเหตุสำเร็จ 19 ราย อย่างไรก็ตามจะขยายผลโดยประสานความร่วมมือกับทางสำนักงานปปง. เพื่อดำเนินงานความผิดฐานฟอกเงินต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. และโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช. สอท.) กล่าวเตือนว่า ผู้ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ควรระมัดระวัง ห้ามส่ง OTP ให้กับผู้อื่น และกรณีที่จะนำ OTP ไปใช้เพื่อยืนยันตัวตน ห้ามกรอก OTP ลงในเว็บไซต์ที่เปิดจากลิงก์ที่มีผู้อื่นส่งมาให้ทาง SMS หรือสื่อสังคมออนไลน์โดยเด็ดขาด
พบเหยื่ออื้อ
หากมีเพื่อนขอยืมเงินผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ควรหลีกเลี่ยง หรือตรวจสอบย้อนกลับโดยการโทรศัพท์เข้าไปพูดคุยด้วย หากติดต่อไม่ได้ก็ไม่ต้องโอนให้ ถ้าจะโอนเงินให้ก็ต้องโอนเข้าบัญชีธนาคาร ที่เป็นชื่อของเพื่อน ห้ามโอนเงินเข้าบัญชีของผู้อื่นที่ไม่ใช่ชื่อของเพื่อนโดยเด็ดขาด
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน คนร้ายใช้วิธีการจ้างประชาชนเปิดบัญชีธนาคารเพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิด จึงขอเตือนว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการร่วมกันกระทำความผิด นอกจากจะเป็นความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังจะต้องถูกตรวจสอบเรื่องการฟอกเงินเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย
คดีเก่ายังไม่จบดี อาศัยวิธีการเดิมๆ ก่อเหตุซ้ำอีก คราวนี้คงยากจะเคลียร์
