คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ตามตร.จับ2โรงงานเถื่อน – ท่ามกลางสถานการณ์โควิดระบาดจะระลอก 2 หรือจะระลอกใหม่ก็สุดแล้วแต่ วิกฤตดังกล่าวทำให้ความต้องการอุปกรณ์ป้องกันโรค ทั้งหน้ากากอนามัย หรือถุงมือทางการแพทย์กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก กลายเป็นช่องทางทำมาหากินอย่างเป็นกอบเป็นกำของเหล่ามิจฉาชีพ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ต.หญิง กัญจิรา นรสาร สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำลูกกา, เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นำหมายค้นเข้าตรวจสอบอาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 5 ถ.ลำลูกกา ต.ลำลูกกา อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังสืบทราบว่าเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ส่วนภายในถูกดัดแปลงเป็นโรงงานขนาดเล็ก มี นายลุก เฟย อายุ 42 ปี สัญชาติจีน แสดงตัวเป็นเจ้าของ และมีกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชาทั้งชายหญิงรวม 11 คน กำลังช่วยกันแพ็กบรรจุถุงมือทางการแพทย์ใส่กล่อง เพื่อเตรียมส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดถุงมือทางการแพทย์ชนิดต่างๆ จำนวนกว่า 7 ล้านชิ้นไว้เป็นของกลางนำส่งตรวจสอบอย่างละเอียดว่าผ่านมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

จากการตรวจสอบหลักฐานประจำตัวของนายลุก เฟย และกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชาที่อยู่ในโรงงาน พบว่าทั้งหมดลักลอบ เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงควบคุมตัวส่ง สภ.ธัญบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้สำหรับการเข้าจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากในช่วงนี้สถานการณ์ระบาดโควิด-19 กำลังน่าเป็นห่วง ทำให้เกิดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์สูง จึงมีผู้สบโอกาสหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง เจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบหาเบาะแสต่างๆ กระทั่งพบว่ามีนายทุนจีนเข้ามาลักลอบเปิดโรงงานผลิตและจำหน่ายถุงมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และยังมีการนำถุงมือทางการแพทย์ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมาแพ็กบรรจุใส่กล่องเป็นยี่ห้อมาตรฐานสากล เพื่อหลอกขายลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลจังหวัดธัญบุรี เข้าตรวจค้นจนสามารถจับกุม ผู้กระทำผิดและตรวจยึดของกลางได้ดังกล่าว

ขณะที่การจับกุมอีกโรงงานเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. โดย พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. สั่งการให้ พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส ผกก.4 บก.ปอศ. พ.ต.ท.วินัย อ้นทนิกูล รองผกก. (สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ. นำหมายค้นศาลอาญาพระโขนงที่ ค.191/2563 ลงวันที่ 28 ธ.ค. เข้าตรวจสอบอาคารแห่งหนึ่ง ภายในซอยพัฒนาการ 63 ถนนพัฒนาการ แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่าสถานที่ดังกล่าวมีการลักลอบผลิตและจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารลักษณะคล้ายโกดัง มีรั้วรอบขอบชิด ภายในดัดแปลงเป็นโรงงานขนาดเล็ก จากการตรวจสอบพบแรงงานคนไทยรวม 9 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 6 คน กำลังช่วยกันบรรจุถุงมือทางการแพทย์ใส่กล่อง เพื่อเตรียมส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวพร้อมกับตรวจยึดถุงมือทางการแพทย์ชนิดต่างๆ หลากหลายยี่ห้อไว้เป็นของกลางเพื่อนำมาตรวจสอบอย่างละเอียดว่าผ่านมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

พล.ต.ต.ไมตรีกล่าวว่า สืบเนื่องจากในช่วงนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการในการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ อย่างหน้ากากอนามัย ถุงมือแพทย์ ส่งผลให้มีการลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และเป็นการสบโอกาสให้กลุ่มมิจฉาชีพอาศัยจังหวะก่อเหตุ

และเพื่อเป็นการป้องปรามจึงสั่งการให้ชุดสืบสวนแกะรอยสืบหาเบาะแสกระทั่งทราบว่าอาคารหลังดังกล่าวมีการลักลอบเปิดเป็นโรงงานผลิตและจำหน่ายถุงมือทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงมีการนำถุงมือทางการแพทย์ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนและประเทศเวียดนาม

ซึ่งเป็นถุงมือแพทย์ที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมาบรรจุใส่กล่องใหม่ ซึ่งเป็นยี่ห้ออื่นเกรดมาตรฐานสากล เพื่อตบตาหลอกขายลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาพระโขนงออกหมายค้น

จากการตรวจสอบพบว่ามีการนำถุงมือ ที่บรรจุอยู่ในถุงหรือกระสอบมาแบ่งบรรจุ ใส่กล่องฉลากแสดงเป็นถุงมือทางการแพทย์ยี่ห้อต่างๆ ซึ่งถุงมือบางส่วนมีลักษณะคล้ายถุงมือที่ผ่านการใช้งานแล้ว จำนวนมากถึง 152,918 ชิ้น นอกจากนี้ยังพบกล่องบรรจุภัณฑ์ถุงมือแพทย์ยี่ห้อต่างๆ กว่า 1,000 กล่อง

เบื้องต้นแจ้งข้อหาความผิดตามศุลกากร, ปลอมเครื่องหมายการค้า, และพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ หลังจากนี้จะยึดอายัดของกลางทั้งหมด เก็บตัวอย่างถุงมือส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐาน และสืบสวนการนำเข้า รวมทั้งเชิญตัวเจ้าของอาคารมาสอบปากคำถึงความเชื่อมโยง เพราะจากแนวทางสืบสวนพบว่ามีการเช่าอาคารดังกล่าวมาหลายเดือน

ขณะที่ผู้คนทั้งประเทศต่างร่วมมือร่วมใจเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้โดยเร็ว แต่ยังมีคนประเภทที่เห็นโควิดเป็นโอกาสทำเงิน ไม่สนใจว่าจะหากินบนความเดือดร้อนของใคร สมควรแล้วที่ต้องถูกขจัดออกจากสังคม

ธานี ทวีเกิด
ชาญพงษ์ บุญอุทิศ
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน