ขับเก๋งตระเวนลักทรัพย์
‘บอย ปกรณ์’ โดนด้วย
สดจากสนามข่าว
ย้อนคดีโจรผัว-เมียแสบ – แม้ปีใหม่ 2564 ปีนี้จะหงอยเหงาไปมากจากพิษโควิด แต่ก็ยังมีหลายครอบครัวทิ้งบ้านออกเดินทางท่องเที่ยว กลายเป็นจังหวะทองให้ผัวเมียแสบคู่หนึ่งออกตระเวนก่อเหตุจนได้ทรัพย์สินไปเป็นกอบเป็นกำ
เรื่องราวของสองผัว-เมียแสบถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2564 ที่กองบังคับการปราบปราม โดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงจับกุมนายสุกิจ ดวงบัว หรือตั้ม อายุ 40 ปี และน.ส.ยุวดี ภูธนต์ หรือยุ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์
วงจรปิด
พร้อมของกลางตุ๊กตาแบร์บริก (Bearbrick) จำนวน 6 ตัว มูลค่ากว่า 1.5 แสนบาท อุปกรณ์ก่อสร้างสายไฟ อุปกรณ์การพนัน ไฮโล ลูกเต๋า ไพ่สำรับ จำนวนมาก โดยจับกุมได้ที่บ้านพักเลขที่ 29 และ 31 ซ.ลาดพร้าว 43 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.สุวัฒน์ เผยที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564 ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบฯ ได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่ามีคนร้ายตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมู่บ้านต่างๆ ทั้งย่านลาดพร้าว โชคชัย และรามอินทรา มีผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนหลายราย จึงสั่งการให้ ผกก.1 บก.ป. จัดทีมออกสืบสวน
จากการสืบสวนของ พ.ต.ท.เจตนิพัทธ์ ศิริวัฒน์ สว.กก.1 บก.ป.ร่วมกับ พ.ต.ท.เชษฐพัทธ์ วงศ์สวัสดิ์ สว.สส.สน.พหลโยธิน ทราบข้อมูลพฤติการณ์ของคนร้ายที่ตรงกันทุกคดีว่า คนร้ายขับรถยนต์สีฟ้าตระเวนไปตามบ้านเรือนของประชาชนช่วงกลางดึก หากไป พบว่าบ้านหลังไหนไม่มีกล้องวงจรปิดและดูท่าทางมีฐานะก็จะลงมือ เชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายรายเดียวกันทั้งหมดทุกคดี
เล่าเรื่องราว
โดยหนึ่งในผู้เสียหายยังมี นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือ “บอย ปกรณ์” ดาราพระเอกชื่อดัง ที่ถูกคนร้ายก่อเหตุขโมยโมเดลหมี Bearbrick และของเล่นสะสม จำนวนหลายสิบรายการ มูลค่ากว่า 300,000 บาทไปเมื่อคืนก่อนวันปีใหม่
พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวต่อว่า หลังจากได้ตรวจสอบหลักฐาน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดจนพบว่ารถคันที่ใช้ก่อเหตุเป็นรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นออพตร้า สีฟ้า ทะเบียน กม-1943 อุบลราชธานี จึงตรวจสอบกระทั่งทราบว่าเป็นรถของนายสุกิจ และน.ส.ยุวดี สองผัวเมีย เจ้าหน้าที่ไล่เช็กข้อมูลต่อจนไปพบรถยนต์ ต้องสงสัยจอดอยู่ภายใน ซ.ลาดพร้าว-วังหิน 43 จึงรวบรวมพยาน หลักฐาน และขออนุมัติศาลอาญา นำหมายค้นเข้าค้นบ้านเลขที่ 29 และ 31 ซ.ลาดพร้าว 43 นำไปสู่การจับกุมดังกล่าว
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ทรัพย์สินต่างๆ ที่พบล้วนได้มาจากการตระเวนลักจากบ้านเรือนของประชาชนจริง โดยเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาพากันออกตระเวนก่อเหตุไปแล้ว หลายครั้ง จากนั้นจะนำทรัพย์สินไปขายในตลาดมืด นำเงินมาใช้หนี้พนันและซื้อไอซ์มาเสพ จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยก่อคดี ลักทรัพย์และต้องโทษคดีเสพยาเสพติดมาแล้วหลายครั้ง
บอย ปกรณ์ ตรวจดูของกลาง
จากการสอบสวนขยายผลยังพบอีกด้วยว่าทรัพย์สินของกลางที่พบนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นของ นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือ “บอย ปกรณ์” ดาราพระเอกชื่อดัง ซึ่งเคยเข้าแจ้งความเอาไว้ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ทรัพย์สินที่หายไปส่วนใหญ่เป็นโมเดลหมี และของเล่นสะสม จำนวนหลายสิบรายการ มูลค่ากว่า 300,000 บาท ผู้ต้องหารับสารภาพว่า ตนทั้งสองคนขับรถยนต์เชฟโรเลต ออพตร้า สีฟ้า ทะเบียน กม-1943 อุบลราชธานี เข้ามาจอดที่หน้าบ้านของบอย ปกรณ์ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่ในบ้านจึงขับรถกลับไปนำอุปกรณ์ย้อนกลับมาก่อเหตุอีกครั้ง
ตร.แจ้งข้อหา
ขณะที่พระเอกบอย ปกรณ์ ที่เดินทางมาดูของกลางในการแถลงข่าวด้วยกล่าวว่า หลังทราบว่าจับตัวคนร้ายได้ตนก็เดินทางมาดูการแถลงข่าว วันที่เกิดเหตุบ้านของตนนั้นอยู่ระหว่างการต่อเติม และเป็นช่วงปีใหม่ตนจึงไม่อยู่บ้าน ซึ่งภายหลังมาทราบว่าถูกคนร้ายขโมยโมเดลหมีและของเล่นสะสมที่วางอยู่ในห้องเก็บของชั้นล่าง จึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.พหลโยธิน
เครื่องมือก่อเหตุ
ทั้งนี้ ในวงจรปิดพบว่าคนร้ายได้ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของตน จากนั้นได้ลงจากรถเพื่อสอดส่องดูว่ามีคนอยู่ในบ้านหรือไม่ เมื่อเห็นว่า ไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน จึงได้ขับรถยนต์ออกไปเพื่อไปนำอุปกรณ์ที่ใช้ ในการงัดแงะกลับมาก่อเหตุ โดยทำทีเป็นเจ้าของบ้านถอยรถเข้ามาเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านผิดสังเกต ขอขอบคุณทางตำรวจที่ช่วยติดตามทรัพย์สินและคนร้ายมาดำเนินคดีได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตราย สิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปโดยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” ก่อนนำตัวสองผัวเมียแสบทั้งสองส่งพนักงาน สอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ท่ามกลางวิกฤตที่คนทั้งประเทศต้องร่วมมือ ร่วมใจฟันนฝ่า กลับทำตัวซ้ำเติมเพื่อนร่วมชาติ เข้าไปรับโทษในคุกก็สมควรแล้ว
