คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ผ่าคดีฆ่าดพ.โคกขาม – “ผมไม่ผิด” คำพูดที่ นายครรชิต ภิรมย์ทอง อายุ 33 ปี ชาว ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทิ้งไว้ให้เป็นปมปริศนา ระหว่างถูกนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในคดีจ่อยิงนายสามารถ ปักเคเต อายุ 33 ปี ชาว ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว พนักงานดับเพลิงของ อบต.โคกขาม จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นเพื่อนรัก
คุมทำแผนฯ
ย้อนไปเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. วันที่ 9 ม.ค. พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม ร.ต.อ.กิจจา คุ้มแก้ว รองสว.สอบสวน สภ.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นำกำลังพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร ไปตรวจสอบเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณด้านข้างของสถานีดับเพลิงย่อย องค์การบริหารส่วนตำบลโคกขาม ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ในที่เกิดเหตุพบศพนายสามารถ ปักเคเต อายุ 33 ปี พนักงานดับเพลิงของ อบต.โคกขาม ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 380 เข้าที่บริเวณลำตัวหลายนัด นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 8 ปลอก และหัวกระสุนปืนอีก 1 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุไว้ได้ด้วย
นาทีลั่นไก
ภาพจากกล้องวงจรปิดมุมหนึ่งเผยให้เห็นว่า มือปืนรายนี้ได้ขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ มาจอดรอผู้เสียชีวิตตรงลานจอดรถ ซึ่งพอผู้เสียชีวิตเดินออกมาพร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือ ก็เหมือนมีการพูดคุยอะไรกันสักอย่าง ก่อนจะมีปากเสียงกันแล้วลงมือชกต่อย 2-3 ที จากนั้นคนร้ายได้ชักอาวุธปืนที่พกมายิงใส่ผู้ตายไม่ยั้ง ทำให้ ผู้ตายล้มลงขาดใจตายคาที่ ส่วนคนร้ายได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยเห็นภาพใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน และกล้องวงจรปิดอีก 1 ตัว เห็นภาพขณะที่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ออกมาจากในซอยพร้อมกับเพื่อนอีก 1 คัน
ด้านเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุมีโทรศัพท์โทร.เข้ามาหาผู้ตายสักพักก็เห็นผู้ตายเดินออกไป หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที ก็มีเสียงปืนรัวดังขึ้นหลายนัด พอออกไปดูก็พบว่าถูกยิงขาดใจตายไปแล้ว ส่วนเพื่อนร่วมงานอีกคนเล่าว่า ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ของคนร้ายขับวนมาทางด้านหน้าแล้วตะโกนเรียกชื่อคนตายก่อนจะวนไปจอดรอตรงที่ลงมือสังหารโหด โดยคนตายหลังจากที่ได้ยินว่ามีคนเรียกชื่อนั้น สักพักก็เดินตามออกไปจึงถูกยิงเสียชีวิต ส่วนสาเหตุไม่มีใครรู้
หลังรวบรวมพยานหลักฐานจนแน่นหนา วันรุ่งขึ้นพ.ต.อ.สมชาย ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับนายครรชิต ภิรมย์ทอง อายุ 33 ปี ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในทางหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และยิงปืนในเมืองหมู่บ้านโดยใช่เหตุ
โดย พ.ต.อ.สมชายกล่าวเพิ่มเติมว่า นายครรชิตผู้ก่อเหตุและนายสามารถ ผู้เสียชีวิตเป็นเพื่อนรักกินนอนเที่ยวมาด้วยกัน ส่วนสาเหตุมุ่งปมไปที่เรื่องชู้สาว เนื่องจากผู้ก่อเหตุหวาดระแวงว่าผู้ตายไปข้องเกี่ยวกับภรรยาจึงทำให้มีปากเสียงกัน จนกระทั่งมาก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวก่อนที่จะหลบหนีไป
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 11 ม.ค. พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม พร้อมด้วย พ.ต.อ.กันตภณ โพธิ์อ๊ะ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร นำกำลังชุดสืบสวนและตำรวจชุดสืบสวนภาค 7 ร่วมจับกุมตัวนายครรชิต ได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่ง ภายในหัวหินซอย 18 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ก่อนจะควบคุมตัวมาขังไว้ที่ สภ.โคกขาม เพื่อรอการสอบสวน
พ.ต.อ.สมชายเผยว่า ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนขยายผล และได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของกลางเป็น รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 หมายเลขทะเบียน 1กฐ 6042 สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพาหนะที่ใช้ในการหลบหนีของผู้ก่อเหตุ ที่ถูกจอดทิ้งไว้ใกล้สะพานข้ามคลองหลังวัดโคกขาม จากนั้นได้ไปเฝ้าติดตามเพื่อจับกุมตัวนายครรชิต ที่หลบหนีเพื่อจะไปหาภรรยาแต่ไม่พบ จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในที่สุด
ตั้งศพนายสามารถ ปักเคเต
วันรุ่งขึ้น พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายครรชิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณด้านหลังสถานีดับเพลิงย่อย อบต. โคกขาม และบริเวณปากคลองโคกขาม เป็นจุดที่นำอาวุธปืนโยนทิ้งน้ำซึ่งหลังจากที่ทำแผนฯเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้คุมตัวนายครรชิตกลับขึ้นรถทันที เพื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติมและส่งศาลจังหวัดสมุทรสาคร
ทั้งนี้เจ้าตัวกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่พยายามถามถึงสาเหตุที่ก่อเหตุครั้งนี้ว่าเพราะอะไร แต่เจ้าตัวกลับบอกเพียงคำเดียวว่า “ผมไม่ผิด” ขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่งเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า นายครรชิตกับนายสามารถ เคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน เคยพักอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยผู้เสียชีวิตเคยไปพักอยู่ที่บ้านของมือปืน แต่ต่อมามีปัญหากันเป็นเรื่องส่วนตัว จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว
สาเหตุจะมาจากอะไร จริงไม่จริงเช่นไรคนตายไปแล้วย่อมไม่สามารถโต้แย้งได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริงไปได้
