อุดมเกียรติ ทิพย์ศรีกุล

เรื่อง/ภาพ

ใช้รถใช้ถนนทุกวันนี้ นอกจากระมัดระวังไม่ให้ไปเฉี่ยวชนกับใครแล้ว ยังต้องรู้จักระงับอารมณ์ ไม่ให้ความโกรธทำให้ขาดสติ ไม่เช่นนั้นจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาได้

เช่นเดียวกับกรณีของนายสุเมธ รุ่งรัตนพันธุ์ อายุ 28 ปี เจ้าของห้างทอง 99 ย่านตลาดวัดชัยมงคล กับนายเจอร์ราร์จ โคลินส์ อายุ 72 ปี สัญชาติออสเตรเลีย ที่บานปลายเป็นคดีร้ายแรง

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งจากนายสุเมธ รุ่งรัตนพันธุ์ อายุ 28 ปี เจ้าของห้างทอง 99 ย่านตลาดวัดชัยมงคล ว่าถูกฝรั่งใช้มีดอีโต้ไล่ฟัน และขับรถพุ่งชนได้รับบาดเจ็บก่อนจะหลบหนีมา

นายสุเมธเผยว่า ก่อนเกิดเหตุขณะขับรถเก๋งฮอนด้า บริโอ สีขาว ทะเบียน กย 4422 ชลบุรี ออกไปทำธุระนอกร้าน จนมาถึงปากซอยกอไผ่ เห็นชายชาวต่างชาติขับรถเก๋งนิสสันเอ็นวี สีบรอนซ์ ทะเบียน บห 1152 ชลบุรี อยู่ข้างหน้าและเปิดไฟเลี้ยวขวา ตนจึงขับแซงซ้ายทำให้รถเบียดกันเล็กน้อย จึงได้จอดรถเพื่อเจรจา

แต่แทนที่จะพูดคุยกันดีๆ ปรากฏว่าชายต่างชาติได้ลดกระจกรถลงแล้วตะโกนด่าให้ของลับ พร้อมกับท้าทายให้ลงมาจากรถ พอตนลงไปชายคนดังกล่าวได้เปิดฝาท้ายรถเก๋งของตัวเอง แล้วหยิบมีดอีโต้ออกมาไล่ฟันที่แขนซ้ายและแขนขวาจนเลือดออกได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตนจึงรีบวิ่งหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต

ชายต่างชาติดังกล่าวจึงหันมาใช้มีดฟันใส่รถของตนจนกระจกหลังและกระจกประตูรถทั้งสองด้านแตก ก่อนเดินไปขึ้นรถแล้วขับรถพุ่งเข้าใส่ตนที่เดินอยู่กลางถนนจนกระเด็นตัวลอยกระแทกกระจกรถก่อนร่วงลงมากระแทกพื้น จากนั้นก็ขับรถหนีไป

นายสุเมธเผยต่อว่า ตนรีบขับรถไล่ตามจนเห็นรถของคู่กรณีขับเข้ามาในโรงเรียนอักษรศึกษา ในซอยกอไผ่ พัทยาใต้ จึงโทรศัพท์แจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้เวลาไม่นานก็พบฝรั่งคนดังกล่าวยืนอยู่ข้างรถเก๋งนิสสัน เอ็นวี สีบรอนซ์ ทะเบียน บห 1152 ชลบุรี สภาพกระจกหน้าแตก

สอบสวนทราบชื่อคือนายเจอร์ราร์จ โคลินส์ อายุ 72 ปี สัญชาติออสเตรเลีย แต่ในระหว่างที่ตำรวจกำลังสอบถามข้อมูลอยู่นั้น นายสุเมธกับภรรยาที่ตามมาดูเหตุการณ์และอุ้มลูกน้อยวัยขวบเศษพร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอ ได้เดินเข้ามาคุยกับนายเจอร์ราร์จเป็นภาษาอังกฤษ

ทั้งคู่โต้เถียงกันจนนายสุเมธระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ปรี่เข้ามาชกนาย เจอร์ราร์จ 1 หมัด จนหลับกลางอากาศล้มทั้งยืน ท่ามกลางสายตาของเด็กนักเรียนและผู้ปกครองที่ไปรับบุตรหลานนับร้อยคน จนพากันแตกตื่น

พลันที่เหตุการณ์ที่นายสุเมธชกนายเจอร์ราร์จจนสลบถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีคลิปเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ได้จากกล้องหน้ารถ เป็นภาพขณะนายเจอร์ราร์จจอดรถลงมาหยิบมีดอีโต้ท้ายรถเดินไปหานายสุเมธ จากนั้นก็เกิดชุลมุนขึ้น จากนั้นเจ้าตัวก็กลับมาขึ้นรถขับออกไปอย่างเร็ว ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชนนายสุเมธจนกระเด็น

ล่าสุดวันที่ 12 ต.ค. นายเจอร์ราร์จ โคลินส์ พร้อมภรรยาชาวไทย เดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.อ.นครราช นนสีลาด รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา โดยนายเจอร์ราร์จเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาตามถนนเทพประสิทธิ์ จนมาถึงสี่แยกซอยกอไผ่ จึงชะลอรถเพื่อรอเลี้ยวเข้าซอย

ระหว่างนั้นนายสุเมธซึ่งขับรถสวนทางมาก็ชะลอรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยเดียวกัน ตอนแรกตนก็โบกมือทำสัญญาณให้นายสุเมธไปก่อน แต่น่าจะเกิดการเข้าใจผิด ทำให้คิดว่าตนให้ของลับ เลยขับรถตามปาดหน้าและแกล้งเบรกกะทันหันอยู่ตลอดทาง

กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุนายสุเมธจอดรถกลางถนนแล้วเปิดประตูลงมาทำท่าจะเข้ามาทำร้าย ตนจึงรีบไปหยิบมีดอีโต้ที่มีไว้ทำสวนตัดแต่งกิ่งไม้ในบ้านออกมาเพื่อป้องกันตัว ไม่ได้มีเจตนาจะเอาไปทำร้ายนายสุเมธแต่อย่างใด

ในส่วนของคลิปวิดีโอที่นายสุเมธได้มาจากพลเมืองดี และมีการเผยแพร่ออกไปในโลก โซเชี่ยล จนหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าตนขับรถพุ่งชนนั้นไม่เป็นความจริง นายสุเมธเป็นคนกระโดดเข้ามาขวางรถเอง ส่วนบาดแผลที่พบบริเวณศอกซ้ายและขวาของนายสุเมธนั้น เป็นบาดแผลที่เกิดจากถูกเศษกระจกหน้ารถของตนบาดขณะที่พุ่งตัวมาใส่รถจนทำให้กระจกแตก

ภายหลังสอบสวนทั้งสองฝ่าย ร.ต.อ.นครราชได้แจ้งข้อหา “พยายามฆ่า” กับนายเจอร์ราร์จ โดยเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวจำนวน 200,000 บาท ออกไป เพื่อขอต่อสู้คดีในชั้นศาล ขณะที่นายสุเมธคู่กรณีถูกแจ้งข้อหา “ทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ”ด้วยเช่นกัน

โดนกันไปคนละคดี เพราะความหัวร้อนแท้ๆ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน