อดิศร จิตตเสวี
พนม คงเจริญ
สุรัตน์ สรรพคุณ
เรื่อง/ภาพ
แม้นจะมีภาพลักษณ์เป็นศิลปินอารมณ์ดี แต่งานนี้ทำเอา “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ถึงกับเซ็งกับระบบการรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน ที่จู่ๆปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาในหมู่บ้านโดยไม่ได้ขอดูบัตรหรือหลักฐานอะไร หนำซ้ำยังบุกเข้าไปหาถึงภายในบ้าน ทำเอาครอบครัวผวาไปตามๆกัน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 9 ต.ค. ที่สน.โคกคราม นายนาคร ศิลาชัย หรือ เปิ้ล สาระแน อายุ 52 ปี พาภรรยาสาว จูน-กษมา ศิลาชัย เข้าแจ้งความกรณีมีบุคคลแปลกหน้าเข้ามาภายในบ้านเลขที่ 57/33 หมู่บ้านลัดดาไทยรีสอร์ต ซอยรามอินทรา 34 แขวงท่าแร้ง บางเขน กทม. โดยเกรงว่าบุคคล ดังกล่าวจะประสงค์ไม่ดี
เปิ้ล นาคร ระบุว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ต.ค. ช่วงที่ตนและภรรยาไม่อยู่ มีแต่ลูกและแม่บ้านอยู่เท่านั้น มีชาย 2 คนขับรถเข้ามาภายในหมู่บ้าน โดยเป็นรถเก่าสีเขียว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเคอี 20 หมายเลขทะเบียน 1 กค 5185 เพชรบุรี ก่อนเลี้ยวเข้ามาจอดในบ้าน
ชายคนขับเดินลงมาถามหา “ปอน นาเคิล” กับแม่บ้าน ซึ่งแม่บ้านไม่ทราบว่าเป็นใคร ชายคนดังกล่าวจึงเฉลยว่า “เปิ้ล นาคร” แม่บ้านถึงบอกว่าไม่อยู่ จากนั้นชายคนดังกล่าวมองไปภายในบ้านแล้วเดินกลับออกไป
ตนกลับมาจึงมาดูภาพวงจรปิด พบว่าไม่เคยรู้จักชายคนนี้มาก่อน จึงเกรงว่ามีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ทั้งนี้ประตูบ้านตนจะไม่ปิด เพราะเมื่อ 7-8 ปีก่อน เคยเกิดกรณีประตูรั้วล้มทับรถเสียหาย จึงเกรงว่าจะล้มทับลูกๆ ประกอบกับบ้านตนอยู่ด้านในสุด ไม่มีใครผ่านไปมาก็เลยเปิดทิ้งไว้
พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายเจษฎากร เทียบจิรประภา อายุ 24 ปี เจ้าของรถคันดังกล่าวซึ่งเป็นลูกเขยเจ้าของอู่ซ่อมรถอยู่ในซอยรามอินทรา 34 เป็นซอยเดียวกับ บ้านของเปิ้ล นาคร เดินทางเข้าพบ เจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่าเป็นเจ้าของ รถเก๋งคันดังกล่าว แต่มีคนอื่นมาขอลองขับรถอ้างว่าชอบรถเก่าและรถโบราณ
ต่อมานายเจษฎากรเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง พร้อมระบุว่าก่อนหน้านี้ มีนายพงษ์ ไผ่เรือง อายุ 36 ปี อาชีพขับรถซูบารุเล็ก ที่ จ.สมุทร ปราการ เดินทางมาที่อู่ ขอทดลองขับ ตนก็เลยให้ขับและนั่งไปด้วย แต่ชายคนดังกล่าวขับไปโผล่ที่บ้านของเปิ้ล นาคร โดยบอกยามหน้าหมู่บ้านว่าจะไปบ้านนายนาคร แล้วลงไปสอบถาม ตนก็ไม่ได้ลงไป
ผ่านไป 15 นาที ก็กลับมาที่รถแล้วขับกลับมาที่อู่ ตนไม่ทราบว่าเกิด เรื่องอะไรขึ้น เพราะตนก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้านใคร
ภายหลังแจ้งความและกลายเป็น ข่าวดัง ปรากฏว่าในช่วงเย็นวันนั้นเอง มีบุคคลซึ่งอ้างตัวว่าเป็นพี่ชายของคนที่บุกรุกเดินทางมาที่บ้านเปิ้ล-นาคร พร้อมกับบอกว่ามาหาเพื่อขอโทษ เพราะคนที่บุกรุกมาคือน้องชายของตนซึ่งสติไม่ดี
ทำเอาเปิ้ลถึงกับเซ็งหนัก ด้วยก็ไม่รู้ว่าคนที่อ้างตัวนี้จะเป็นพี่ชายของคนที่บุกรุกจริงหรือเปล่า เจ้าตัวบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ที่กังวลมากกว่าคือมีคนมาที่บ้านอีกแล้วเหรอ ทำไมมากันง่ายจัง พูดตามตรงว่ายังไม่รู้เลยว่าจะป้องกันอะไรไปได้” เปิ้ลกล่าว
ผ่านไปแค่ 2 วัน ล่าสุดดารา เปิ้ล นาคร โพสต์ไอจีว่า “ได้ตัวโจรบุกบ้านแล้ว จับได้ที่อยุธยา (ตำรวจอยุธยา+สน.โคกครามเก่งมาก) พร้อมขโมยเด็กอนุบาลติดตัวไปด้วยอีกคน บ่ายนี้เอาเข้ากรุงเทพฯ”
15.00 น. วันที่ 14 ต.ค. ที่สน.โคกคราม พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.โคกคราม เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทัสสุมิ ยอดประทุมวัน รองผกก.สส. พร้อมด้วยชุดสืบสวนสน.โคกคราม ได้ไปเชิญตัวนายพงศ์ฐกาญจน์ ไผ่เรือง อายุ 35 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบเห็นอยู่ที่อยุธยา
นายพงศ์ฐกาญจน์รับว่า ตนเป็นแฟนคลับของเปิ้ล นาคร ติดตามผลงานมาโดยตลอดแต่ไม่เคยเจอตัวจริง ต่อมาทราบว่าพี่ชายย้ายบ้านไปอยู่ติดกับบ้านของเปิ้ล นาคร จึงไปตามหาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเจอ
กระทั่งวันที่เกิดเหตุได้ยืมรถของนายเจษฎากร ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้วขับไปหาซึ่งชื่อ “ปอน นาเคิล” ดังกล่าวเจ้าตัวรับว่าตั้งไว้เรียกไอดอลของตัวเอง เพราะเห็นว่าเปิ้ล นาคร เป็นคนตลกจึงตั้งชื่อให้ฟังดูตลก
ขณะที่หนุ่มต้นเหตุเผยว่านอกจากอยากเจอเปิ้ล นาคร อยากเล่าเรื่องชีวิตบัดซบของตัวเองให้ฟังเผื่อ เปิ้ล จะเอาไปสร้างเป็นหนัง ตนเสียใจ ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ ขอโทษกับสิ่งที่ทำ ไม่คิดว่าจะทำให้เปิ้ลและภรรยาหวาดกลัวขนาดนี้
ส่วนเด็กผู้ชายอายุ 5 ขวบ ที่อยู่กับตน ชื่อว่าน้องธันวา เป็นลูกของหลานสาวตัวเอง ตนเป็นคนดูแลเด็กมาตลอด ไม่ได้ลักพาตัวมาแต่อย่างใด
ด้านนายนาครกล่าวว่า ยืนยันให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ก็ไม่อยากให้ผู้ต้องหาติดคุกเพราะต้องเลี้ยงเด็กด้วย โดยระหว่างการพูดคุยนั้นน้องธันวา ได้เดินมาสะกิดตนแล้วพูดว่า “อย่าให้ตำรวจจับลุงหนูนะ หนูไม่อยากกลับไปอยู่กับแม่” ตนจึงยิ่งรู้สึกเห็นใจ แต่ก็อยากให้เป็นบทเรียนเชื่อว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการด้วยวิธีที่เหมาะสม
เจอแฟนคลับแบบนี้เป็นใครก็ผวา เพราะความปลอดภัยของครอบครัวไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาเสี่ยง
