ชาญพงศ์ บุญอุทิศ
ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ
เรื่อง/ภาพ
แม้นประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตยาเสพติด แต่ไทยถือเป็นช่องทางผ่านสำคัญของยาเสพติดจากแหล่งผลิต ที่จะออกไปสู่ประเทศต่างๆโดยเฉพาะทางชายแดนภาคใต้ ข่าวคราวการจับกุมยาเสพติดจำนวนมากหรือ “บิ๊กล็อต” จึงมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 17 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รรท.ผบช.ภ.3 พร้อมชุดสืบสวน บช.ภ.3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาศัยฤกษ์วันสถาปนาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาไอซ์ “บิ๊กล็อต” น้ำหนักถึง 508 กิโลกรัม มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท
สำหรับการจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อเวลา 00.00-03.00 น. วันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ สภ.สีดา จ.นครราชสีมา จนท.ตั้งจุดตรวจจุดสกัด พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า หลังคาแครี่บอย แสดงพิรุธไม่ยอมเข้าจุดตรวจและกลับรถหนีก่อนถึงจุดตรวจ ตร.จึงติดตามแต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลากลางคืนทำให้คลาดกัน
ตร.วิทยุประสานไปยังสภ.ต่างๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงให้ช่วยตรวจหา รวมทั้งประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนเพื่อช่วยในการแจ้งเบาะแส
ต่อมาในเวลา 12.50 น. วันที่ 16 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บัวใหญ่ รับแจ้งจากนางวิไลวรรณ คิ้วองอาจ ผู้ใหญ่บ้านหนองเซียงโข่ หมู่ 5 ต.กุดดอน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ว่าพบรถกระบะต้องสงสัยจอดอยู่ข้างวัดหนองเซียงโข่ ต.กุดจอก อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา
เมื่อไปตรวจสอบพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า หลังคาแครี่บอย สีบรอนซ์ทอง เลขทะเบียน ตพ 3537 กรุงเทพมหานคร ค้นภายในแค็บและกระบะหลังพบยาเสพติดประเภทสารไอซ์ในรูปแบบแท่งขนาด 1 กิโลกรัม จำนวน 508 แท่ง บรรจุอยู่ในถุงใส่ใบชาและกระสอบถุงปุ๋ย 11 ถุง ซุกซ่อนอยู่ จึงให้วิทยาการจังหวัดเก็บลายพิมพ์นิ้วมือ ตัวอย่างดีเอ็นเอไว้เป็นหลักฐาน
นางวิไลวรรณเล่าว่า มีลูกบ้านมาพบรถยนต์ต่างถิ่นเข้ามาจอดทิ้งไว้ จึงได้เข้าไปสอบถามคนขับรถ โดยคนขับรถอ้างว่ารถเสียรอให้เพื่อนนำเครื่องมือมาซ่อมให้ ชาวบ้านหวังดีจึงได้แจ้งให้ตนทราบ เพื่อนำอุปกรณ์การซ่อมรถยนต์มาช่วยเหลือ แต่เมื่อมาถึงก็พบว่าลักษณะตรงกับรถที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งให้ช่วยตรวจหา แต่คนขับรถได้ไหวตัวทันหลบหนีไปเสียก่อน
พ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.บัวใหญ่ รีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ขณะเดียวกันชุดสืบสวนลงพื้นที่ใกล้เคียงพบชายต้องสงสัย ทราบชื่อภายหลังว่านายทินกร หรือ โอเล่ ค่อมสิงห์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ 74 ม.2 ต.พระทาย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่บริเวณสถานีรถไฟบัวใหญ่ จึงนำตัวมาสอบสวน
นายทินกร รับว่ารับจ้างจากนายทุนคนหนึ่ง ในราคา 20,000 บาท ให้ขนยาไอซ์ล็อตนี้ไปส่งในพื้นที่ภาคกลาง แต่ยังไม่รู้จุดหมาย เนื่องจากนายทุนจะสั่งการว่าให้ขับรถยนต์ไปเส้นทางใดเป็นระยะๆ ใช้เส้นทางข้ามจากชายแดนเข้ามาทาง จ.นครพนม ผ่านสกลนคร-กาฬสินธุ์-มหาสารคาม-บ้านไผ่-เมืองพล-สีดา โดยมีรถนำทางเพื่อสังเกตจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งทางวิทยุให้ทราบตลอดเส้นทาง
พอมาถึงบริเวณ อ.สีดา จ.นครราชสีมา พบจุดตรวจบนถนนมิตรภาพ จึงขับรถหลบหนีออกนอกเส้นทาง แต่ด้วยความไม่เคยชินกับเส้นทาง จึงหลงทางมาที่บริเวณข้างวัดหนองเซียงโข่ ห่างจากถนนมิตรภาพประมาณ 14 กิโลเมตร และได้จอดนอนพักผ่อน เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเลิกตั้งด่านตรวจก่อนแล้วจึงขับต่อ แต่ก็มีชาวบ้านมาเจอและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับ
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า คนร้ายมักเป็นกลุ่มเดิมๆ เช่น กลุ่มว้าใต้ กลุ่มว้าเหนือ มีประมาณ 5-7 กลุ่ม ซึ่งเจ้าหน้าที่สกัดกั้นการลำเลียงมาโดยตลอด แต่คนร้ายก็พยายามเบี่ยงเส้นทางเลี่ยงการตรวจค้น โดยเฉพาะการขนยาเสพติดที่มีจำนวนมากๆ ก็จะมีจุดอ่อนและจุดแข็ง สำคัญที่สุดคือแพ็กเกจที่ห่อยาเสพติดที่ใช้ตบตาเจ้าหน้าที่ สำหรับปัญหายาเสพติดตนได้นำเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีได้ทราบเป็นระยะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็พยายามหามาตรการเพื่อเฝ้าระวังมาโดยตลอด
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า เดิมทีการลำเลียงยาเสพติดมักพบในพื้นที่ภาคเหนือ แต่หลังจากที่ผบ.ตร.มีคำสั่งปรับแผนเพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนือทำให้คนร้ายเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงอ้อมผ่านมาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือแทน ข้ามมาจากประเทศลาว มีปลายทางลำเลียงออกไปทางทะเลภาคใต้ผ่านไปยังประเทศมาเลเซีย และกระจายไปสู่ประเทศอื่นๆ อาทิ ออสเตรเลีย ไต้หวัน เป็นต้น เมื่อยาเสพติดถูกลำเลียงไปประเทศที่สามแล้วจะทำให้มีมูลค่าเพิ่มถึงหมื่นล้านบาททีเดียว
เพราะราคามันล่อใจอย่างนี้เอง เลยจับกันไม่หมดเสียที
