คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ย้อนคดีจับแก๊งทวงหนี้ – ภาพเหตุการณ์ 3 คนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ อุ้มสาวทอมขึ้นรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน 1 กษ 8733 กรุงเทพฯ เหตุเกิดบริเวณหน้าคอนโดฯ แห่งหนึ่งย่านบางเขน เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา นับว่าอุกอาจมากเพราะคนร้ายลงมือกลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาของชาวบ้านโดยไม่มีความเกรงกลัวกฎหมาย

พ.ต.ท.สราวุฒิ บุตรดี รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางเขน เปิดเผยว่า หญิงผู้เสียหายปลอดภัยดี แต่ยังไม่ติดต่อเข้ามาแจ้งความกับตำรวจ มีเพียงนิติบุคคลของคอนโดฯ มาลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งฝ่ายสืบสวนกำลังพยายามติดตามให้ฝ่ายหญิงผู้เสียหายกับญาติมาให้ข้อมูลกับตำรวจก่อน จึงจะติดตามตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้ ตอนนี้ทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว และได้ตั้งประเด็นการลงมือไว้ 3 เรื่อง คือ ปัญหาเรื่องชู้สาว หนี้สิน และยาเสพติด แต่ให้น้ำหนักไปที่เรื่องหนี้สินมากกว่า

กระทั่งวันที่ 12 ก.พ. พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน ร่วมกับ พ.ต.ท.สุนทร ไชยรักษา รอง ผกก.สส., พ.ต.ต.สมใจ รอดยัง สว.สส., พ.ต.ต.พรชัย ว่องประเสริฐการ สว.สส. และชุดสืบสวนได้ควบคุมตัว นายหฤษฎ์ ใจสุข อายุ 33 ปี มาสอบปากคำ

นายหฤษฎ์ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ไม่ได้เป็นคนมาอุ้มสาวทอมคน ดังกล่าว ซึ่งตนรู้จักกันมาก่อน เนื่องจากสาวทอมต้องการทำธุรกิจนำสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในประเทศ แต่ไม่มีเงินทุน จึงมาขอยืมเงินตน 2 ล้านบาท ตนเห็นว่าเป็นคนรู้จักกันจึงให้เงินไป

ต่อมาทราบว่าสาวทอมไม่ได้นำเงินไปลงทุน แต่กลับนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงให้คนมาทวงเงินจนเกิดเหตุตามคลิปที่มีการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่ได้อุ้ม และไม่ได้มาในวันเกิดเหตุ

เหตุที่ตำรวจนำตัวนายหฤษฎ์มาสอบสวนก็เนื่องมาจาก หลังเกิดเหตุการณ์อุ้ม ได้มีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 สีดำ ทะเบียน ฆง 2921 กทม. ขับรถมาส่งสาวทอมที่คอนโดฯที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบจนทราบชื่อเจ้าของรถคือ นายหฤษฎ์ โดยหลังจากสาวทอมถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มตัวไป ก็ได้นำตัวไปให้นายหฤษฎ์ ทวงถามเรื่องเงิน พร้อมกับให้สาวทอมทำหนังสือยินยอมชำระเงินที่มาขอยืมไป ในคอนโดฯ ย่านร่มเกล้า โดยได้ยึดโทรศัพท์ นาฬิกา และเงิน 2,100 บาท เอาไว้ กระทั่งตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับ จนสามารถควบคุมตัวนายหฤษฎ์ ได้ที่คอนโดฯแห่งหนึ่ง ย่านถนนนาคนิวาส

ต่อมาวันที่ 13 ก.พ. ตำรวจ สน.บางเขน ไปจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้อีก 2 คน คือ นายจักรกฤษณ์ ทองแผ่ อายุ 29 ปี และ นายวศิน เกื้อกูล อายุ 27 ปี ที่บ้านพักย่านเสนานิคม เขตลาดพร้าว และที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าย่านนวมินทร์ พร้อมกับยึดรถที่ใช้ก่อเหตุ 2 คัน เป็นรถยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีขาวและรถจักรยานยนต์ ก่อนควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.บางเขน

นายจักรกฤษณ์ให้การว่าขั้นตอนการก่อเหตุทั้งหมดว่า ก่อนหน้าทำงานเป็นกัปตันร้านอาหาร แต่ประสบปัญหาช่วงโควิด-19 ร้านปิดตัวจึงไม่มีรายได้ และรู้จักกันกับ นายหฤษฎ์ ที่เป็นลูกค้าประจำของร้าน และรับรู้เรื่องราวที่ นายหฤษฎ์ ถูกสาวทอมโกงเงินหนีไปมาตลอด ด้วยความสนิทกันจึงอาสาออกตามหาสาวทอมให้ โดยชักชวนนายวศิน และนายภานุพงศ์ มาช่วยตามหา

วันก่อเหตุตนไปเฝ้าที่คอนโดฯ ตั้งแต่เช้า โดยขับรถยนต์ มี นายวศินและนายภานุพงศ์ ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ กระทั่งพบตัวสาวทอม ตนจึงส่งสัญญาณให้พาตัวสาวทอมไปคุยในรถยนต์ ตอนแรกไม่มีเจตนาจะอุ้ม แต่สาวทอมขัดขืนจึงต้องทำร้ายร่างกายและหลอกว่ามีอาวุธ เพื่อให้สาวทอมยอมแต่โดยดี จากนั้นพาสาวทอมไปกักขังที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง เพื่อไปพบกับนายหฤษฎ์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ บังคับให้สาวทอมทำสัญญากู้เงินขึ้นมาใหม่เขียนระบุว่าเป็นหนี้เงินกู้ 3,500,000 บาท

โดยขู่ว่าหากไม่ยอมลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินดังกล่าว จะนำไปโยนลงบ่อให้จระเข้กิน สาวทอมเกิดความหวาดกลัวยอมลงชื่อพร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ รุ่นไอโฟน 11 ราคาประมาณ 36,000 บาท นาฬิกาข้อมือ ราคาประมาณ 6,000 บาทไป ต่อมานายหฤษฎ์ ได้ขับรถพาสาวทอมมาส่งที่เดิม ก่อนโอนเงินจำนวน 15,000 บาท มาให้ จากนั้นได้นำเงิน 10,000 บาท ไปให้นายวศิน ไปแบ่งกับ นายภานุพงศ์ ก่อนแยกย้ายกันไป

ทั้งนี้ในชั้นจับกุมและสอบสวน นายจักรกฤษณ์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ นายวศินให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

เมื่อเลือกใช้วิธีที่ผิด ผลลัพธ์ก็ย่อมยากที่จะออกมาถูกต้อง

สมศักดิ์ ชฎารัตน์

สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน