คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

อุทาหรณ์หนุ่มเมาขับเก๋ง – “แม่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมารับลูกแม่กลับบ้านด้วยกันแบบนี้ น้ำมนต์คนเก่งของแม่ น้ำมนต์บอกเรียนจบจะกลับมาอยู่กับแม่นานๆ ค่อยทำงานจะเก็บเงินมาซ่อมบ้านให้แม่ นางฟ้าของแม่ นางฟ้าของพวกเรา ขอให้หนูหลับให้สบายนะลูก พวกเราทุกคนรักหนูมาก ไปเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ บุญกุศลหนุนส่งให้หนูอยู่ในที่ดีๆ รักลูกสุดหัวใจ ‘น้ำมนต์’ มนชนิตว์ ช่วยบุญ เราอยู่กับหนูตลอด ภาวนา อธิษฐาน บนบาน ทำทุกอย่างที่ใครๆ แนะนำ 16 ก.พ. 64 เวลา 02.53 น. หนูก็จากพวกเราไป ไม่เจ็บไม่ปวด ไม่ทรมานแล้วนะลูก หนูอดทนมากพอแล้ว กลับบ้านเรากันนะลูก” ข้อความที่มารดาของ น.ส.มนชนิตว์ ช่วยบุญ หรือ น้องน้ำมนต์ รองนางสาวไทยปี 2562 โพสต์ถึงบุตรสาวหลังต้องจากกันตลอดกาล

ย้อนไปเมื่อเวลา 04.40 น. วันที่ 15 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักชนต้นไม้พลิกคว่ำ บริเวณถนนหน้าคณะนิติศาสตร์ สี่แยกโรงเรียนสาธิตศึกษาศาสตร์ ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัยสามัคคีอุทิศ และกู้ชีพโรงพยาบาลศรีนครินทร์

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งซูซูกิสวิฟต์ สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน 4กย-4074 กรุงเทพมหานคร สภาพพังยับเยิน กระจกหน้าแตก กันชนหน้าพังยับ ประตูทั้งสองข้างเปิดออก หลังคารถด้านท้ายพังยุบลงมา พบผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อคือ น.ส.กรชฎา เสียงใส อายุ 22 ปี และ นายเกริกฤทธิ์ สุกงพงษ์พันคำ อายุ 22 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิช่วยกันใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา

ขณะที่เบาะหน้าของรถพบคนขับเป็นชาย 1 ราย มีแผลฉีกขาดที่ศีรษะ บาดเจ็บเล็กน้อย รู้สึกตัวดี ทราบชื่อคือ นายถิรเดช กุลเขมรังษี อายุ 22 ปี ถัดมาที่ฝั่งคนขับพบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อคือ น.ส.มนชนิตว์ ช่วยบุญ หรือน้องน้ำมนต์ รองนางสาวไทยปี 2562 สภาพหมดสติ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรวัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี สาขาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มข. เจ้าหน้าที่กู้ชีพนครินทร์ ได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 คนส่ง ร.พ.ศรีนครินทร์

สำหรับอาการบาดเจ็บของน้องน้ำมนต์ ได้รับบาดเจ็บที่ตับพบว่าตับแตก ซึ่งแพทย์ ของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยนอนรักษาตัวในห้องไอซียู แต่สุดท้ายก็สุดยื้อเอาไว้ได้ น้องน้ำมนต์เสียชีวิตในเวลา 02.53 น. วันที่ 16 ก.พ.

ขณะเดียวกันในส่วนของคดีความ พ.ต.อ.ธนวัชร์ ดีบุญมี ณ ชุมแพ รองผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำพยานแวดล้อมที่เห็นเหตุการณ์ รวมถึงภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีรถเก๋งของกลุ่มผู้เสียชีวิตขับมาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเป็นทางแยกคณะนิติศาสตร์ ได้มีรถกระบะจอดชะลอความเร็วเพื่อรอเลี้ยวขวา รถเก๋งจึงหักหลบ เข้าซ้าย ก่อนที่รถจะเสียหลักชนกับทางเท้า ชนต้นประดู่ข้างถนน รถคว่ำตีลังกา 2 ตลบหลังคารถฟาดกับต้นไม้ ไถลลงข้างทาง จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

อุบัติเหตุครั้งนี้ เกิดจากการขับรถที่ประมาทและใช้ความเร็ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหากับคนขับในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และหากผล การตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดออกมาเกินกฎหมายกำหนด จะแจ้งเพิ่มในข้อหา ขับรถขณะเมาสุรา ซึ่งจะมีโทษทั้งจำทั้งปรับตามกฎหมาย

ล่าสุดวันที่ 18 ก.พ. พ.ต.อ.ธนวัชร์เผยผลสรุปของคดีนี้ว่า นายถิรเดช คนขับรถ ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเมื่อเย็นของวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา และได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และใช้รถยนต์ ใช้รถโดยไม่มีประกันภัยคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด ซึ่งนายถิรเดชได้รับสารภาพข้อกล่าวหา

และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด จากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ออกมาพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 183 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเกินที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มคือ “ขับรถในขณะมึนเมาสุรา เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”

พ.ต.อ.ธนวัชร์กล่าวอีกว่า ส่วนผลของความเร็วนั้น อยู่ในระหว่างการให้ผู้เชี่ยวชาญของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตรวจว่ามีการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนดหรือไม่ หากพบว่าขับเร็ว เกินก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถเร็วกว่ากฎหมายกำหนดในที่ชุมชน” เพิ่มอีกข้อ กล่าวหา

ไม่มีอีกแล้ว ความฝัน อนาคตอันสดใส ที่วาดเอาไว้ สูญสิ้นไปเพียงเพราะเมาแล้วไม่ขับ

สุพล บุญชื่นชม

จักรพันธ์ นาทันริ

พงษ์สันต์ เตชะเสน

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน