คอลัมน์ แฟ้มคดี

ปิดฉากคดีม็อบกปปส. : เป็นอีก 1 คดีประวัติศาสตร์การเมืองไทย สำหรับกรณีการชุมนุมของ กลุ่มกปปส. ที่ประกาศตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ โค่นล้มรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ก่อการชัตดาวน์โกลาหลไปทั่วเมือง ขัดขวางการเลือกตั้ง จนเปิดช่องทางให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ทำรัฐประหารด้วยการจับบรรดารัฐมนตรี ที่มาร่วมเจรจาเป็นตัวประกัน พร้อมประกาศยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญปี 2550

ปิดฉากคดีม็อบกปปส.ชัตดาวน์-ล้มเลือกตั้งศาลสั่งจำคุก‘เทือก’5ปี

ฟังคำพิพากษา

ตามด้วยการประกาศนิรโทษกรรมตัวเอง

แต่ไม่ได้รวมถึงแกนนำม็อบที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกอัยการสั่งฟ้องในความผิด ฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ฯลฯ

หลังเหตุการณ์ผ่านไปร่วม 7 ปี มีการต่อสู้คดียาวนาน ในที่สุดก็มีคำพิพากษา มีทั้งโทษจำคุก จำคุกรอลงอาญา และยกฟ้อง

โดยนายสุเทพ ซึ่งเป็นแกนนำม็อบถูกจำคุก 5 ปี ขณะที่ 3 รัฐมนตรีกปปส.ต้องมีอันพ้นจากเก้าอี้

เป็นผลเกิดขึ้นจากคำพิพากษาศาล

แต่ก็เป็นแค่เบื้องต้น ยังต้องลุ้นกันต่อในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา

พิสูจน์กันอีกหลายยก เพื่อยืนยันหลักการว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง

ศาลตัดสินคดีม็อบนกหวีดปี 57

เช้าวันที่ 24 ก.พ. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส. รวม 39 คน เป็นจำเลย

ปิดฉากคดีม็อบกปปส.ชัตดาวน์-ล้มเลือกตั้งศาลสั่งจำคุก‘เทือก’5ปี

คุมตัวไปเรือนจำ

ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ โดยนายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวทุกคน

คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 – 1 พ.ค. 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพเป็นเลขาธิการ

โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบ

เพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส.

จากนั้น กปปส.จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง

รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้

รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค. – 2 มี.ค. 2557 พวกจำเลยบังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วาง เครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ

จึงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152

โทษหนักสุดก็คือความผิดฐานเป็นกบฏ

เทือก-3รมต.ติดคุกระนาว

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งหมดแล้ว เห็นว่า จำเลยส่วนหนึ่ง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคสอง, 216, 358, 365 (2) (3), 362, 364 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86

และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎร

และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 มาตรา 76, 152 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล

ฐานร่วมกันบุกรุกสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น ฐานร่วมกันบุกรุกอสังหา ริมทรัพย์ของผู้อื่น ฐานร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนผู้ร่วมกระทำความผิด ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้ใดผู้หนึ่งมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก

ความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิได้

ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษแต่ละกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ทางพิจารณาจำเลยดังกล่าวนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 กำหนดโทษดังนี้

1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี 2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ยกฟ้อง 3.นายชุมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี 5.นายอิสสระ สมชัย จำคุก 7 ปี 16 เดือน 6.นายวิทยา แก้วภราดัย จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 รอลงอาญา 2 ปี

7.นายถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 11.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสียชีวิต 12.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี
13.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ ยกฟ้อง 14.นายถนอม อ่อนเกตุพล จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 15. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำคุก 3 ปี

ไม่ให้ประกัน 8 คน-นอนคุก

16.อดีตพระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ จำคุก 4 ปี 8 เดือน 17.นายสาธิต เซกัล จำคุก 2 ปี ปรับ 26,666 รอลงอาญา 2 ปี 18.นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ยกฟ้อง 19.พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 20.พล.ร.อ. ชัย สุวรรณภาพ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 21.นายแก้วสรร อติโพธิ ยกฟ้อง 22.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยกฟ้อง 23.นายถวิล เปลี่ยนศรี ยกฟ้อง

ปิดฉากคดีม็อบกปปส.ชัตดาวน์-ล้มเลือกตั้งศาลสั่งจำคุก‘เทือก’5ปี

อดีตพุทธะบุกโรงแรม

24.เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำคุก 4 ปี 16 เดือน 25.นายมั่นแม่น กะการดี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 26.นายคมสัน ทองศิริ จำคุก 2 ปี 27.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ยกฟ้อง 28.นายพิภพ ธงไชย ยกฟ้อง

29.นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำคุก 2 ปี 30.นายสุริยะใส กตะศิลา จำคุก 2 ปี 31.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ยกฟ้อง 32.พ.ต.ท. ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ ยกฟ้อง 33.นายสำราญ รอดเพชร จำคุก 2 ปี 16 เดือน 34.นายอมร อมรรัตนานนท์ จำคุก 20 เดือน 35.นายพิเชฐ พัฒนโชติ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 36.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ยกฟ้อง 37.นายกิตติชัย ใสสะอาด จำคุก 4 เดือน ปรับ 6,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี 38.นางทยา ทีปสุวรรณ จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 26,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี 39.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยกฟ้อง

ปิดฉากคดีม็อบกปปส.ชัตดาวน์-ล้มเลือกตั้งศาลสั่งจำคุก‘เทือก’5ปี

สุเทพ เทือกสุบรรณ

ด้านศาลให้เหตุผลให้รอลงอาญา เพราะบางคนเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม เเม้บางคนจะเป็นเเกนนำ เเต่ความผิดน้อยกว่าจำเลยอื่น อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อุกอาจหรือรุนเเรงจากการชุมนุมประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยดังกล่าวเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยดังกล่าวกลับตัวเป็นพลเมืองดี

ขณะที่ผลจากคำพิพากษา ส่งผลให้ 3 รัฐมนตรีประกอบด้วย นายณัฏฐพล นายพุทธิพงษ์ และนายถาวร พ้นจากตำแหน่งทันที

ทั้งนี้ศาลชั้นต้นไม่ให้ประกัน นายสุเทพ นายถาวร นายณัฏฐพล นายพุทธิพงษ์ นายชุมพล นายอิสสระ นายสุวิทย์ และร.ต.แซมดิน โดยยื่นเรื่องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา จึงต้องคุมตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นอนคุกระหว่างรอการพิจารณา

เป็นบทสรุปจากศาลชั้นต้น ที่ยังต้องสู้ต่อถึงฎีกาแน่นอน!??

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน