ย้อนคดีฆ่าสยองร้อยเอ็ด – ยาบ้าไม่ได้ทำร้ายเฉพาะผู้เสพเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงคนในครอบครัวด้วย ลองว่าครอบครัวไหนมีสมาชิกตกเป็นทาสยาบ้า ก็ไม่ต่างกับระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง

เช่นเรื่องราวสลดของครอบครัวสวัสดิเอื้อ ประสบเคราะห์เมื่อบ่ายวันที่ 7 มี.ค.

ร.ต.อ.จิตติพัฒน์ วรวัฒน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย ภายในบ้านเลขที่ 41 หมู่ 10 ตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด จึงรุดออกตรวจสอบพร้อมกู้ชีพ อบต.อุ่มเม้า อาสาสมัครกู้ภัยอโสกธวัชบุรี แพทย์เวร ร.พ.ธวัชบุรี

นางบุญมา สวัสดิเอื้อ ร่ำไห้

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว พบศพนายผุย สวัสดิเอื้อ อายุ 60 ปี นอนหงายจมกองเลือดบนพื้นบ้าน มีบาดแผลที่หน้าผากและใบหน้า กะโหลกศีรษะยุบ โดยพบท่อนไม้ยาวประมาณ 30 ซ.ม. และสาก 1 ด้าม ที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ใกล้ศพผู้ตาย นอกจากนี้ยังพบยาบ้าครึ่งเม็ดและอุปกรณ์การเสพอยู่ในเพิงพักของผู้ก่อเหตุซึ่งอยู่ข้างบ้านจุดพบศพ

จากการสอบสวน นางบุญมา สวัสดิเอื้อ อายุ 57 ปี ภรรยาผู้ตายเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายทองดา สวัสดิเอื้อ (หนุ่ย) อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นลูกชายผู้ตายกับตนสาเหตุเพราะเสพยาบ้าจนเมาอาละวาด

นางบุญมาเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายเมายาจนหลอนตะโกน ว่าจะมีคนมาไล่ทำร้าย ก่อนจะเดินถือท่อนไม้และเสียมออกมา ทุบบ้านเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จนประตูบ้านพังเสียหาย 2 บาน ลูกชายของเพื่อนบ้านเข้ามาห้ามปราม ก่อนจะเอาตัวนายทองดา กลับมาส่งที่บ้าน แต่ก็มาอาละวาดอีกครั้ง ตนเห็นท่าไม่ดีเกรง จะถูกทำร้าย จึงวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่สามี ที่นอนป่วยเป็นอัมพาตนอนติดเตียงอยู่ภายในบ้านไม่สามารถ หนีไปไหนได้

พังประตูเพื่อนบ้าน

ขณะที่ตนกำลังวิ่งออกไปก็ได้ยินเสียงคล้ายคนทุบตีอะไรบางอย่างไม่คิดว่าจะทำร้ายพ่อแท้ๆ จนเสียชีวิต ส่วนตนรีบร้องเรียกให้ชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านเข้าห้ามปรามและควบคุมตัวลูกชายไว้ได้สำเร็จ ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวไปดำเนินการตามกฎหมาย

นางบุญมายังเล่าวีรกรรมของลูกชายให้ฟังอีกว่า ลูกชายของตนเพิ่งพ้นโทษคดีเสพยาเสพติดและทำร้ายตนเอง ออกจากคุกมาเมื่อ 25 ธ.ค. 2563 แรกๆ ก็ดีไม่ดื่มและไม่เสพยาอยู่ประมาณ 1-2 เดือน แต่พอช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. 2564 ก็กลับมาเสพยาบ้าอีกและเมายาอาละวาดอยู่บ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ก็มาลงมือฆ่าพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ตนรู้สึกเสียใจมากไม่ให้อภัยและอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้ออกมาจากคุกอีกแล้ว เพราะหวาดกลัวว่าลูกชายจะกลับมาเสพยาและคลั่งทำร้ายคนในบ้าน ตอนนี้ทางลูกสาวและลูกเขยก็กำลังคุยกันอยู่ว่าจะนำตนไปอยู่ด้วยเพื่อจะได้ดูแลและเพื่อความปลอดภัย

วันรุ่งขึ้นที่บ้านที่เกิดเหตุบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า อีกทั้งยังมีชาวบ้านจับกลุ่มคุยถึงเรื่องของนายหนุ่ยที่ทำร้ายพ่อของตนเองเสียชีวิต ภายในบ้านมีการจัดงานศพที่เรียบง่ายตามประเพณีของหมู่บ้าน โดยสมาชิกของครอบครัวและชาวบ้านบางส่วนที่มาร่วมงานอยู่ให้กำลังใจกันกับภรรยาผู้เสียชีวิต

นาทีจับลูกคลั่งยา

ด้านเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของบ้านผู้เสียชีวิตเผยว่า ที่ผ่านมาทุกครั้งที่เสพยาแล้วเกิดอาการคลั่ง นายทองดาไม่เคยมาทุบทำลายข้าวของข้างนอกจะทำแค่ในบ้าน แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ ก่อเหตุแบบนี้

ขณะที่ นายไชยยศ ไชยพฤกษ์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลอุ่มเม้า เปิดใจว่า เมื่อครั้งก่อนที่ตนเข้าจับนายทองดา ซึ่งตอนนั้นก็เสพยาและอาละวาดทำร้ายแม่ ตนตบสั่งสอนไปที่ใบหน้า ทำให้กระแสโซเชี่ยลมารุมด่าตนว่าทำเกินกว่าเหตุใช้ความรุนแรง จึงขอถามในวันนี้ว่า เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหรือยัง ว่าในที่สุดแล้วคนร้ายรายนี้ติดคุกไป 5 เดือนออกมาทำงานมีเงินก็กลับมาเสพยาอีก แล้วลงมือฆ่าพ่อตัวเองจนเสียชีวิต ขอถามว่าจะต้องให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อของภัยสังคมนี้อีกสักกี่ราย

ตั้งศพบำเพ็ญกุศล

“ยาบ้าในชุมชนของผมไม่มีแน่นอน เพราะสมัยที่ผมเป็น นายกเทศมนตรีตำบลอุ่มเม้า ได้จับและปราบปรามจนสิ้น ยาบ้า ยาเสพติดที่นายทองดาเสพ ไปซื้อมาจากตำบลอื่นผมยืนยันได้” นายไชยยศกล่าว

อีกหนึ่งผลพวงของยาเสพติดที่ระบาดอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง

เกรียงศักดิ์ ธนสีลังกูร

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน