คอลัมน์ แฟ้มคดี

ปิดฉากฆาตกรต่อเนื่อง – เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจ สำหรับคดีของ นายสมคิด พุ่มพวง หรือเจ้าของฉายา คิด เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องเมืองไทย

ที่เคยโด่งดังมาเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว จากการก่อเหตุสะเทือนขวัญ ลวงสังหารหญิงสาวถึง 5 รายต่อเนื่อง

ซึ่งหลังจากถูกจับกุมดำเนินคดี เมื่อปี 2548 ก็ได้ออกจากคุกมาจากเหตุผลนักโทษชั้นดีเมื่อปี 2562 แล้วก็ก่อเหตุซ้ำอีก คราวนี้เป็นแม่บ้านสาวใหญ่ ที่จ.ขอนแก่น

ปิดฉากฆาตกรต่อเนื่อง

จับคารถไฟ

โดยตอนแรกคิดว่าเป็นเรื่องชู้สาวธรรมดา แต่เมื่อเช็กภาพวงจรปิดก็ต้องตกตะลึง ว่าไอ้คิดนี่เองที่มาลงมืออีกครั้ง

แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด ถูกพลเมืองดีตาไวแจ้งจับได้คารถไฟที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา

ส่งดำเนินคดีในศาลยุติธรรม ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ประหารชีวิต

ยันไม่มีเหตุบรรเทาโทษ เพราะไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปรานี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชนและเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง

ปิดฉากฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความหวาดผวาให้ผู้คน!!

ปิดฉากฆาตกรต่อเนื่อง

รูปในหมายจับ

ศาลสั่งประหาร’คิด เดอะริปเปอร์’

คดีดังกล่าวได้รับการเปิดเผยคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 2 เม.ย. โดยศาลขอนแก่น เผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ข่าวสารคดีความที่ประชาชนให้ความสนใจ ในคดี นายสมคิด พุ่มพวง ผู้ก่อเหตุฆาตกรรมรัดคอหญิงม่าย อายุ 51 ปี ชาว อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เหตุเกิดเมื่อปลายปี 2562

โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค. เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดขอนแก่น อ่านคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 87/2564 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น โจทก์ นายสมคิด พุ่มพวง จำเลย ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (5) มาตรา 199 และ มาตรา 334 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง

การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยการกระทำทารุณโหดร้าย ลงโทษประหารชีวิต ฐานลักทรัพย์ จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพหรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือสาเหตุแห่งการตาย และฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออำพรางคดี

เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 12 เดือน

ฐานลักทรัพย์เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 3 ปี ฐานเป็นการกระทำใดๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออำพรางคดี เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 16 เดือน

เนื่องจากศาลลงโทษประหารชีวิตซึ่งเป็นโทษสูงสุดแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษได้อีก จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนในครั้งแรกเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ คำรับสารภาพดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลยเพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น

ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกันรวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้งห้าคดีก่อนนั้นเป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปรานี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชนและเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ

คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว และ ริบของกลาง

สั่งประหารชีวิต ‘คิด เดอะริปเปอร์’

ปิดฉากฆาตกรต่อเนื่อง

โดนจับเมื่อปี48

พ้นโทษออกมาฆ่าศพที่ 6

สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีดังช่วงปลายปี 2562 โดยช่วงสายวันที่ 16 ธ.ค. 2562 ตำรวจสภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรมนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 293 ม.19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ของผู้ตาย

เจ้าหน้าที่พบศพนางรัศมี ถูกห่อด้วยผ้าห่ม ท่อนบนสวมเสื้อยืด ลำคอถูกพันด้วยเทปใส ข้อเท้ามัดด้วยสายชาร์จแบตฯโทรศัพท์ ซุกอยู่ในฟูกที่นอนที่วางอยู่ในห้อง ตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตมาประมาณ 8 ชั่วโมง ร่างกายไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย ไม่มีร่องรอยต่อสู้ ไม่มีร่องรอยรื้อค้นในบ้าน คาดคนร้ายลงมือตอนที่ผู้ตายนอนหลับ

สอบสวนทราบว่าก่อนหน้านี้ผู้ตายมีอาชีพเป็นแม่บ้าน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. มีผู้ชายคนหนึ่ง ทราบชื่อว่า ‘แขก’ เข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านของ น.ส.รัศมี ในลักษณะคบหาเป็นแฟนกัน โดยระบุว่าแฟนใหม่เป็นชาวนครศรีธรรมราช ประกอบอาชีพทนายความ

กระทั่งเช้าวันที่ 14 ธ.ค. นายแขกขี่จักรยานยนต์ไปส่งนางรัศมีทำงานที่โรงแรมตามปกติ แต่พอช่วงเลิกงาน นายแขกไม่ได้ไปรับ ทำให้นางรัศมีกลับบ้านเอง กลางคืนนายแขกกลับมาที่บ้าน แต่ก็ไม่มีรถจักรยานยนต์กลับมาด้วย

รุ่งขึ้นเพื่อนบ้านได้ยินเสียงทั้งคู่ทะเลาะกันและเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เพื่อนบ้านและญาติๆ จึงพากันมา แต่นายแขกเปิดผ้าม่าน ตะโกนบอกว่าไม่มีอะไร และนางรัศมีต้องการพักผ่อน จึงถอยกลับมา แล้วแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

เมื่อเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว นายแขกไม่อยู่บ้านแล้ว จึงช่วยกันค้นหานางรัศมี ในที่สุดก็พบศพ เมื่อตรวจสอบวงจรปิดก็พบว่าคนร้ายคือ นายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องที่ลงมือโหดมาแล้ว 5 ศพเมื่อปี 2548 ที่แม้ต้องโทษตลอดชีวิต แต่ติดคุกจริง 14 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาไม่ถึงครึ่งปี

ในที่สุดก็จนมุม เมื่อมีพลเมืองดีตาไว เห็นคนหน้าคล้ายตามที่ประกาศจับ นั่งรถไฟจากสถานีโคกกรวด มุ่งหน้ากทม. แจ้งจนท.ตะครุบได้ที่สถานีปากช่อง สอบสวนให้การรับสารภาพ

ระบุชัดเจนไม่กลัวตาย เพราะคนเราเกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว

เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทันที

ย้อนคดี 5 ศพ ‘สมคิด พุ่มพวง’

นายสมคิดกลายเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี 2548 เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2548 หลังก่อเหตุฆ่าหมอนวดและนักร้องถึง 5 รายซ้อนในพื้นที่ภาคอีสาน เหนือ และภาคใต้ โดยคดีแรก เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2548 เหยื่อคือ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร นักร้องคาเฟ่ ถูกมัดและกดน้ำเสียชีวิตในห้องพักโรงแรม ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร

ถัดมาเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2548 น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ พบเป็นศพถูกบีบคอตายคาห้องพัก 604 โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลําปาง

เหยื่อรายที่ 3 คือ น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ถูกรัดคอด้วยสายไฟสิ้นใจตายภายในห้องพัก 505 โรงแรม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2548 รายที่ 4 คือ น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวด ถูกกดน้ำตายในห้องพัก 1126 โรงแรม อ.เมือง จ.อุดรธานี วันที่ 18 มิ.ย. 2548

และศพที่ 5 คือ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ท้องที่ จ.บุรีรัมย์ ในแมนชั่น อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 2548 แม้จะลงมือต่างพื้นที่ แต่เป็นระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันทั้งหมด

แต่ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะมีความเชื่อมโยง

กุญแจที่สามารถคลี่คลายคดีได้ เนื่องจากในคดีที่ 5 ตํารวจได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด ระหว่างคนร้ายพาเหยื่อสาวมาเปิดห้องพัก เจ้าหน้าที่จึงส่งภาพกระจายไปหลายโรงพักและในจังหวัดต่างๆ

เมื่อตํารวจเจ้าของ 4 คดีแรกได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลการลงมือของฆาตกรที่ใกล้เคียงกับคดีของตัวเอง จึงนําภาพไปให้พยานในแต่ละคดีดู ทั้งหมดชี้ยืนยันว่าเป็นฆาตกรรายเดียวกัน แต่ใช้คนละชื่อในการเปิดห้องพัก!!?

ซึ่งก็คือนายสมคิด พุ่มพวง ที่เคยมาเป็นพยานเท็จในคดีฆ่าผู้ว่าฯยโสธรเมื่อปี 2544 จึงตามแกะรอยไปยังบ้านและสถานที่ต่างๆ ที่นายสมคิคเคยไปปรากฏตัว พร้อมตรวจหาทรัพย์สินของเหยื่อไปด้วย

กระทั่งวันที่ 29 มิ.ย. 2548 พบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของเหยื่อรายหนึ่ง ที่ถูกขโมยไปหลังโดนฆาตกรรม โทร.ออกจากจ.ชัยภูมิ จึงตามจับกุมได้ถึงบ้านของภรรยาเก่านายสมคิด

สอบสวนนายสมคิดสารภาพ 4 คดี อ้างว่าลงมือสังหารเพราะโมโหที่เหยื่อทุกรายซึ่งซื้อบริการมาหลับนอน ขอเพิ่มค่าตัวเลยฆ่าทิ้งให้หายแค้น แต่ปฏิเสธก่อคดีที่ 3 ที่จ.ตรัง

ต่อมาอัยการสั่งฟ้องแยกเป็น 5 คดี ทุกคดีสิ้นสุดที่ศาลฎีกาให้ จำคุกตลอดชีวิต

จำคุกที่เรือนจำบางขวาง ต่อมาได้ย้ายไปจำคุกที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2562 เนื่องจากมีความประพฤติดี เรียบร้อย เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม

เข้าคุกอีกครั้งเจอโทษประหาร

หวังว่าจะปิดฉากฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน