คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ย้อนนาทีรวบตีนแมวแสบ – บริการรับซื้ออาหารแบบส่งถึงบ้านผ่านแอพพลิเคชั่นชื่อดังหลากหลายยี่ห้อเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
โดยเฉพาะสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสมรณะ ‘โควิด-19’ ที่โหมกระหน่ำเข้ามา ระลอกแล้วระลอกเล่าชนิดไม่ยอมหยุดพัก ทำให้การเป็นอยู่แบบวิถีใหม่ ‘นิวนอร์มัล’ มีผู้ใช้บริการชนิดนี้จนเจริญเติบโตกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันผู้คนไปแล้ว
จากพิษเศรษฐกิจที่ทรุดจนยังไร้แสงสว่างจากปลายอุโมงค์ว่าเมื่อไรจะโงหัวกลับขึ้นมาได้ ทำให้คนหาเช้ากินค่ำหรือผู้ที่ต้องตกงานจำนวนมากผันตัวมาเป็น ‘ไรเดอร์’ หรือพนักงานรับซื้ออาหารแบบส่งถึงบ้าน
แล้วก็เป็นเช่นเดียวกับทุกสรรพสิ่งที่อาชญากรต่างจดจ้องหาช่องทางในการฉกฉวยโอกาสแสวงผลประโยชน์จากมุมมืด
วันที่ 7 เม.ย. พ.ต.อ.วาชรัตน์ มูลวงษ์ ผกก.สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ พร้อมพ.ต.ท.คมสันต์ บำรุงยศ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.พชร ตั้งพชรวงศ์ สว.สส. พร้อม เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนคุมตัว นายนภดล หรือเหมา วงศ์แจ่ม อายุ 25 ปี ชาว ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์
ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณบ้านพัก 2 หลัง ภายในหมู่บ้านชาริน ม.2 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ผู้เสียหาย 2 ราย เข้าแจ้งความตำรวจสันป่าตองว่า ถูกคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านพัก
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบ้านที่เกิดเหตุพบภาพคนร้าย 1 คน สวมเสื้อคลุมสีเขียวแขนยาวมีสัญลักษณ์แกร็บ และสวมกางเกงยีนส์ขายาวสีเทา รองเท้าผ้าใบสีขาว
เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้าน พบคนร้ายรายเดียวกันขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า แกรนด์ฟิลาโน่ สีเขียว ด้านท้ายรถจักรยานยนต์มีกล่องใสของสีเขียวสัญลักษณ์แกร็บไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน วนเวียนไปตามซอยต่างๆ ภายในหมู่บ้าน จึงกระจายกำลังออกติดตามตัว
ต่อมาเจ้าหน้าที่พบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่คนร้ายขโมยไป ถูกขายให้ร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์ย่านสันติธรรม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เมื่อประสานเจ้าของร้านพบว่า สำเนาบัตรประชาชนของผู้นำมาจำหน่ายคือนายนพดล จึงออกติดตามหาหวังเชิญตัวมาสอบถามว่า นำโน้ตบุ๊กดังกล่าวมาได้อย่างไร
ขณะตำรวจออกซักถามพยานในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ตลาดใหญ่ อ.ดอยสะเก็ด พบชายวัยรุ่นมีตำหนิรูปพรรณคล้ายคนร้าย แสดงท่าทีมีพิรุธและรีบชิ่งหลบทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่จึงตามไปควบคุมตัวไว้ได้
หลังจนมุมนายนพดลก็ยอมรับสารภาพทันที
โดยใช้โอกาสที่เป็น ‘ไรเดอร์’ ของแอพฯ ชื่อดัง ซึ่งเป็นอาชีพที่ผู้คนทั่วไปให้ความไว้วางใจเข้าออกพื้นที่ได้โดยสะดวกก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งทั่วเมืองเชียงใหม่
การลงมือครั้งล่าสุด นำทรัพย์สินที่ลักมาได้ไปจำหน่ายบางส่วนคือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไปจำหน่ายที่ร้านย่านสันติธรรม กระทั่งเป็นเบาะแสสำคัญนำไปสู่การจับกุม
นอกจากนั้นยังมีนาฬิกาข้อมือคาซิโอ รุ่นจีช็อก นำไปจำนำที่ โรงรับจำนำในเมืองเชียงใหม่
แต่สิ่งที่เหนือคาดก็คือกระเป๋าถือผู้หญิงสุดหรูแบรนด์ ‘กุชชี่’ โจรรายนี้คิดว่าเป็นของเก๊เลยโยนทิ้งกองขยะหน้าต้นเปาพลาซ่า
เจ้าหน้าที่จึงพาไปตามอายัดของกลางทั้งหมดกลับมาได้ และนำไปค้นห้องพักพบรถจักรยานยนต์และชุดที่สวมในวันก่อเหตุ รวมถึงของกลางที่เหลืออีกจำนวนหนึ่ง
แม้ยังไม่มีหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ แต่พยานหลักฐานและคำรับสารภาพของผู้ต้องหาล้วนครบถ้วนและหนักแน่นมากพอ
ตำรวจจึงอาศัยอำนาจตาม ป.วิอาญา มาตรา 78(3) ประกอบ ป.วิอาญา มาตรา 66(2) จับกุมตัวโดยไม่มีหมายจับ
พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นนั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการ กระทำผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
ปิดฉากเส้นทางโจรที่ใช้อาชีพสุจริตบังหน้าไปก่อเรื่องเลวร้าย
โดย วิชัย ทาเปรียว
เรื่อง/ภาพ