แม้จะถูกพิษโควิดทำระส่ำไปเกือบทั้ง โรงพัก แต่พลันที่เกิดเหตุคนร้ายจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนมีนบุรีก็ใช้เวลาไม่นานในการติดตามจับกุมคนร้าย สร้างความมั่นใจให้คนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

ย้อนไปเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 17 เม.ย.2564 พ.ต.ท.ศิริวัชร์ ศิริเศรษฐวัชร์ สารวัตร (สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อใกล้ซอยสามวา 7 ถนนสามวา แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 บก.สปพ. และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.)

นาทีก่อเหตุ

ที่เกิดเหตุร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมง โลตัส เอ็กซ์เพรส สาขา 2543 ถนนสามวา กรุงเทพฯ พบพนักงานหญิงยืนอยู่ภายในร้านจำนวน 3 คน และยังมีอาการตกใจกลัว

พนักงานให้การเสียงสั่นว่า เมื่อเวลา 00.40 น. มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ โดยคนร้ายที่ 1 มีรูปร่างท้วม สวมเสื้อ แขนยาว สีส้ม เดินตรงมาที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วชักปืนขึ้นมาข่มขู่ให้เปิด ลิ้นชักเก็บเงิน

ส่วนคนที่ 2 รูปร่างผอม สวมเสื้อแขนยาวสีดำ เดินมาบอกให้พนักงานปิดประตูหน้าร้าน ก่อนจะกวาดเงินสดไปประมาณ 17,675 บาท และบุหรี่ไทยประมาณ 22 ซอง จากนั้นจึงวิ่งออกไปขึ้นรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนขับหลบหนีไปโดยไม่ทราบเส้นทาง โดยใช้เวลาก่อเหตุเพียง 2 นาที

พ.ต.อ.สุรพล ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สส.บก.น.3 พ.ต.ท.ธนาวินท์ กาญจนวิภาส รองผกก.สส.สน.มีนบุรี กำลังฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี และกก.สส.บก.น.3 ร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนหาตัวคนร้าย

ตร.ตรวจที่เกิดเหตุ

 

ฝ่ายสืบสวนไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้งของร้านและตาม เส้นทางโดยรอบ พบว่าคนร้ายจอดรถไว้บริเวณปากซอยถนนสามวา ซอย 7 ห่างจากร้านประมาณ 20 เมตร โดยก่อนเกิดเหตุคนร้ายขี่จยย.มุ่งหน้าไปตามถนนคลองสามวา เข้าสู่ถนนคู้บอน แล้วขี่วนเวียนอยู่ภายในซอยนวลจันทร์สักพักแล้วย้อนกลับมายังถนนรามอินทรา และนำจยย.ไปจอดไว้ที่ห้างก่อนเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งที่ปากซอยหทัยราษฎร์ 25 ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพรถแท็กซี่ขับรถมาส่งคนร้ายที่หน้าปากซอยก่อนที่คนร้ายจะลงจากรถเดินเข้ามาในซอยตามปกติ กระทั่งเช้าจึงนั่งแท็กซี่ย้อนกลับมาเอารถจยย.ที่จอดไว้ ที่ห้าง

ไล่เช็กข้อมูลจนกระทั่งรู้ทะลุปรุโปร่ง ค่ำวันที่ 19 เม.ย.ตำรวจก็เข้าจับกุมนายปรัชญา อายุ 20 ปี และ นายชานนท์ อายุ 20 ปี โจรอ้วน-ผอม ที่ห้องพักในซอยหทัยราษฎร์ 25 ถนนหทัยราษฏร์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ

ทั้งคู่ยอมรับสารภาพว่าชักชวนกันไปชิงทรัพย์ เนื่องจากต้องการหาเงินไปจ่ายค่าห้องพัก และหาเงินเที่ยวเตร่

คุมทำแผนฯ

บ่าย 2 โมงวันรุ่งขึ้น พ.ต.อ.สุรพลนำกำลังฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี ร่วมกันคุมตัวทั้งคู่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ โดยเริ่มตั้งแต่หน้าร้านสะดวกซื้อที่คนร้ายมาจอดรถจยย.ที่ใช้ ก่อเหตุ จากนั้นทั้งคู่เดินเข้าไปในร้านพร้อมมีดและปืน เพื่อข่มขู่พนักงานให้เปิดลิ้นชักเงิน 2 แห่ง แล้วกวาดเงินไป หลังจากนั้นได้หันหลังไปหยิบบุหรี่ที่อยู่ในตู้ด้านหลังก่อนจะรื้อค้นและออกจากร้าน โดยใช้พนักงานเดินนำหน้าเพื่อบังกล้องวงจรปิดที่หน้าร้าน และเพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พ.ต.อ.สุรพลกล่าวว่า สำหรับการทำแผนประกอบคำรับสารภาพวันนี้วางไว้จำนวน 4 จุด จุดแรกคือจุดที่ผู้ต้องหาเข้ามาชิงทรัพย์ในร้านสะดวกซื้อ จุดที่ 2 ห้างสรรพสินค้า ตรงข้ามแยกสวนสยาม ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหานำรถจยย.ของกลางไปทิ้งไว้ก่อนหลบหนี และอีก 2 จุดคือเส้นทางก่อนก่อเหตุ และหลังก่อเหตุ

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แถลง

พ.ต.อ.สุรพลกล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า สาเหตุที่เลือกก่อเหตุในร้านนี้เพราะไม่ค่อยมีคน และพนักงานเป็นผู้หญิง ประกอบกับทั้งคู่เป็นคนในย่านนี้จึงรู้เส้นทางเป็นอย่างดี

ส่วนที่หลายคนมองว่าเป็นการวางแผนมาก่อเหตุหรือไม่นั้น เพราะมีการขับรถอ้อมไปมาทั้งก่อนและหลังก่อเหตุ มองว่าน่าจะเป็นลักษณะของการตระเวนดูร้านที่เหมาะกับการก่อเหตุ ประกอบกับทั้งคู่เป็นคนในพื้นที่ รู้เส้นทางหนีเป็นอย่างดี ส่วนปืนผู้ต้องหาอ้างว่าได้โยนทิ้งไป เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังติดตามหาของกลางอยู่

“อยากฝากเตือนร้านสะดวกซื้อที่ใช้ประตูอัตโนมัติในช่วงกลางคืน ขอความกรุณาอย่างใช้ระบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันคนร้ายที่แอบแฝงเข้ามาก่อเหตุในยามวิกาล” พ.ต.อ.สุรพลกล่าวฝาก

อดิษัยต์ พรวนพิมพ์/สมศักดิ์ ชฎารัตน์

สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย

เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน