ผ่าคดีล่าจับมือหนังสติ๊ก – คนเรามีวิธีคลายเครียดต่างๆ กันไป บ้างไปออกกำลังกาย นั่งสมาธิ ฝึกจิต ดูหนัง ฟังเพลง ใครใคร่ทำอะไรก็ทำได้ ขอเพียง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน อย่าให้การระบายความเครียดของเรากลายเป็นความเครียดของผู้อื่นเป็นพอ

เช่นเหตุการณ์ที่มีคนร้ายใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินใส่ทั้งรถประจำทาง ขสมก. สาย 137, 185 และรถยนต์อีกหลายคัน บริเวณทาง ลอดอุโมงค์ข้ามแยกรัชดา-สุทธิสาร และร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟ ช่วงวันที่ 19 มี.ค. ถึง วันที่ 27 เม.ย. รวมทั้งหมด 19 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเเละทรัพย์สินเสียหายใน 4 พื้นที่ สน.สุทธิสาร สน.ห้วยขวาง สน.พหลโยธิน และ สน.ดินแดง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ไปทั่ว ทำเอาตำรวจถึงกับหัวปั่น

นายดำรงค์รักษ์ มาศศิริ อายุ 39 ปี หนึ่งในผู้เสียหายเล่าว่า ตนเป็นเจ้าของร้านมะหมี่บ้านโป่งเจ๊แดง ตั้งอยู่ริมถนนระหว่างซอยลาดพร้าว 15 และซอยลาดพร้าว 17 ถูกคนร้ายใช้หนังสติ๊กใส่หินยิงใส่ร้าน 3 ครั้ง ช่วงเวลา 21.00-22.00 น. ต้นเดือนเม.ย. ตนได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่สะโพก คนงานหญิงถูกยิงที่แขนเป็นแผลปูดบวมแดง ข้าวของในร้านเสียหาย และพบเป็นหินสีขาว กลมมน คล้ายกับหินประดับตกเเต่งหรือหินตู้ปลา

ตำรวจระดมไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดจนได้หลักฐานว่าคนร้ายน่าจะเป็นโชเฟอร์แท็กซี่ เนื่องจากทุกครั้งที่เกิดเหตุจะมีรถแท็กซี่ต้องสงสัยขับผ่านบริเวณจุดเกิดเหตุทุกครั้ง

แสดงท่ายิง

กระทั่งเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 เม.ย. 2564 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผกก.สน.สุทธิสาร เรียกประชุมเเละตรวจสอบสำนวนคดี หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวนสามารถจับกุมนายไพรวัลย์ แอ้ชัยภูมิ อายุ 48 ปี ได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านสุขสวัสดิ์ พร้อมของกลางเป็นหนังสติ๊กและหินประดับสวนสีขาวที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าเก็บมาจากปั๊มแก๊สแห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม รวมถึงด้ามหนังสติ๊กซึ่งเจ้าหน้าที่ กทม.ไปพบในถังขยะใกล้ห้องเช่าของผู้ต้องหา

พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นนายไพรวัลย์รับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุจริง โดยก่อนหน้านี้เคยขับรถประจำทางปรับอากาศสาย 175 ก่อนจะลาออกเเละมาเช่าแท็กซี่ขับ จำนวน 3 คัน คันสีส้ม ทะเบียน ทห 9902 กรุงเทพฯ แท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทห 4200 กรุงเทพฯ และแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทห 187 กรุงเทพฯ

ซึ่งเช่าขับได้ประมาณ 1 เดือน สลับกันนำออกมาก่อเหตุ ช่วงวันที่ 19 มี.ค. ถึงวันที่ 27 เม.ย. โดยคิดวิธีเองทั้งหมด ทั้งยังรับสารภาพอีกว่าช่วงแรกจะเลือกเหยื่อเฉพาะรถประจำทางเท่านั้น ต่อมาก็เป็นรถยนต์ รถจยย. และรถที่ขับช้าๆ ส่วนสาเหตุที่ทำเพื่อระบายความเครียดส่วนตัว และความอัดอั้นภายในใจ

โดยเมื่อเห็นสื่อมวลชนเสนอข่าวและรู้ว่าตำรวจกำลังติดตามตัวก็กลัวถูกจับ จึงหยุดก่อเหตุ ซึ่งระหว่างสอบสวนนายไพรวัลย์ บางครั้งยังให้การวกวนไปมา ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยต้องคดีลักทรัพย์ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เเละพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2557

คุมนายไพรวัลย์ แอ้ชัยภูมิ อายุ 48 ปี ส่งฝากขัง

เบื้องต้นตำรวจเเจ้งข้อหา “พยายามฆ่า” ข้อหา “ทำให้เสียทรัพย์” เเละข้อหา “ทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้บาดเจ็บ” ส่วนเรื่องตรวจสอบสภาพจิตใจผู้ต้องหาว่ามีอาการทางจิตหรือไม่ จะส่งให้ทางกรมราชทัณฑ์เป็นผู้ตรวจสอบ เเละนำข้อมูลมาประกอบในสำนวนคดีต่อไป

ต่อมาตำรวจคุมตัวนายไพรวัลย์มาจำลองเหตุ การณ์ขณะก่อเหตุยิงที่หน้า สน.สุทธิสาร โดยนายไพรวัลย์ขึ้นไปที่นั่งฝั่งคนขับ ให้ตำรวจช่วยกันดันรถให้เคลื่อนที่ นายไพรวัลย์แสดงท่าทางขณะก่อเหตุโดยนำหนังสติ๊กมาวางไว้ที่หว่างขา ใช้เข่าซ้ายคอยบังคับพวงมาลัยรถแล้วลดกระจกลง จากนั้นจึงหยิบหนังสติ๊กมาใส่ก้อนดินน้ำมันแทนการใช้ก้อนหินยิงใส่รถที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ ในขณะที่ก่อเหตุก็จะขับรถโดยใช้ความเร็วปกติแต่กลับสามารถยิงหนังสติ๊กใส่เป้าหมายอย่างแม่นยำ

นายดำรงค์รักษ์ มาศศิริ อายุ 39 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย

ภายหลังจากจำลองสถานการณ์เสร็จ ตำรวจได้นำตัวคนร้ายกลับไปสอบปากคำทันที โดยระหว่างเดินนายไพรวัลย์ได้ยกมือไหว้และพูดขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป

ขณะเดียวกันผู้เสียหายมาดูการแถลงข่าวพร้อมการจำลองเหตุการณ์ นำกระเช้าดอกไม้มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกล่าวขอบคุณผบช.น. และผู้กำกับทั้ง 4 สน. ที่สามารถติดตามจับตัวคนร้ายได้ในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวง เพราะไม่รู้ว่าจะถูกปาหินหรือยิงหินใส่เมื่อใด

สมศักดิ์ ชฎารัตน์
อดิษัยต์ พรวนพิมพ์
สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน