ระรินทร เพ็ชรเจริญ

เรื่อง/ภาพ

พลันที่ข้อมูลการแช็ต ซื้อบริการเด็กหนุ่มของพระสงฆ์วัดชื่อดัง ในจังหวัดน่าน หลุดออกมากระจายว่อนไปทั่วโลกโซเชี่ยล ก็กลายเป็นข่าวฉาวสะเทือนวงการสงฆ์อีกครั้ง ชาวเมืองน่านเองก็ออกมาเรียกร้องให้มีการสืบสาวราวเรื่อง เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ จนนำมาสู่การดำเนินคดีกับพระสงฆ์ 3 รูป ตั้งแต่พระลูกวัดยันเจ้าอาวาส

เรื่องราวดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อวันที่ 8 พ.ย. เมื่อมีการส่งต่อภาพข้อความ รูปภาพ แช็ตกลุ่มทางเฟซบุ๊กของพระอาจารย์วัดดัง 3 รูป กับเด็กหนุ่มนายหน้า พูดคุย สั่งซื้อขายบริการเด็กผู้ชาย มีการต่อรองตกลงราคา และนัดหมายส่งตัวเด็กที่วัด รวมถึงข้อความที่ไม่เหมาะสมอีกหลายข้อความ

พระที่ถูกระบุชื่อทั้ง 3 รูป ประกอบด้วย พระครูกิตตินันทปรีชา เจ้าอาวาสวัดแช่พลาง อ.ภูเพียง พระสมุห์อุดร ชินวังโส รองเจ้าอาวาสวัดพญาวัด อ.เมือง และ พระพิสุทธิศักดิ์ วัดหลับ มืนไตย อ.เวียงสา

ขณะที่ พระสมุห์อุดร ชินวังโส รองเจ้าอาวาสวัดพญาวัด ต.ตู่ใต้ อ.เมือง จ.น่าน ยอมรับว่า ภาพและเฟซบุ๊กที่ระบุชื่อ สิทธิโชค จันทรสุข หนึ่งในโปรไฟล์ที่เป็นข่าวนั้น เป็นของตนจริง แต่ไม่ได้ใช้นานแล้ว เนื่องจากเข้าใช้งานไม่ได้ คาดว่าจะถูกแฮ็กและปัจจุบันได้สมัครใช้เฟซบุ๊ก บัญชีใหม่ชื่อว่า ?ดร พญาวัด? เจ้าตัวยืนยันอีกว่า ภาพพระรูปอื่นๆ รวมทั้งตัวเด็กผู้ชายที่ปรากฏในแช็ตนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน

ภายหลังเป็นข่าวตำรวจเมืองน่าน ติดตามตัว 2 หนุ่มพี่น้องในแช็ต มาสอบเค้นจนทั้งคู่ยืนยันพระทั้ง 3 รูป ที่ปรากฏเป็นข่าวแช็ตหลุดซื้อบริการเป็นประจำ เผยแรกๆ จ่ายค่าตัวให้เป็นพัน แต่ระยะหลังเหลือแค่ 200 บาท โดย 2-3 เดือน พระจะโทรศัพท์หรือ ทักแช็ตมาหาพูดคุยและเรียกไปหา อีกทั้งยังมักถามหาเพื่อนๆ ที่สนใจมาให้บริการดังกล่าวอีกด้วย

พ.ต.อ.ประยูร ชำนาญคง ผกก.สภ.เมืองน่าน เปิดเผยว่า เด็กผู้เสียหายซึ่งเป็นพี่น้องกัน โดยคนพี่อายุ 19 ปี และคนน้องอายุ 15 ปี ให้การว่านัดหมายพบปะกับพระรูปหนึ่งในสาม ครั้งแรกเมื่อปี 2554 ขณะนั้นเรียนอยู่ม.1 อายุประมาณ 13 ปี ซึ่งพระรูปดังกล่าวเรียกให้ไปหาที่วัดและมีความสัมพันธ์จนสำเร็จ ความใคร่ จากนั้นมีนัดอีกราว 4-5 ครั้ง

ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นพระรูปดังกล่าวบอกว่าสนใจน้องชายตน และเรียกให้ไปหาและมีความสัมพันธ์จนสำเร็จความใคร่ ซึ่งครั้งแรกน้องชายเรียนอยู่ชั้นป.6 อายุ 12 ปี โดยครั้งล่าสุดเมื่อกลางปีนี้ รวมให้บริการ 4-5 ครั้ง ส่วนพระอีก 2 รูป ก็เคยเรียกใช้บริการ รูปละ 2 ครั้ง เมื่อปลายปี’59 และกลางปีนี้

เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ โดยเกิดเหตุภายในวัดทั้งหมด 3 วัด ใน 3 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.เวียงสา และ อ.ภูเพียง ทำให้กระบวนการสอบสวนต้องทำทั้ง 3 พื้นที่ โดยการแจ้งข้อกล่าวหากับพระทั้ง 3 รูป อยู่ที่ว่าสำนวนสอบสวนของโรงพักไหนแล้วเสร็จก่อนก็ดำเนินการไปก่อน

ขณะที่ทางกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ที่เข้าร่วมสอบสวนด้วย เผยว่า เบื้องต้นยังไม่พบว่าเข้าข่ายเป็นการค้ามนุษย์ ส่วนเด็กชายทั้งสองคนขณะนี้อยู่ในความคุ้มครองดูแลของเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดน่าน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด

คดีนี้สร้างความช็อกให้บรรดาผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาพระทั้ง 3 รูป เป็นอย่างมาก หลายรายไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง ถึงขั้นเชื่อว่าเป็นการรับเงินมา เพื่อทำลายพระดีๆ ให้เสื่อมเสีย เจ้าหน้าที่ตำรวจและคณะสงฆ์ปกครอง จึงต้องเร่งทำความจริงให้ปรากฏก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย

ด้าน พระราชศาสนาภิบาล รองเจ้าคณะจังหวัดน่าน พร้อมด้วย พระครูสิรินันทวิทย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน และ นายสิทธา มูลหงส์ ผอ.สำนักพุทธศาสนาจังหวัดน่าน ประชุมเครียดถึงกรณีดังกล่าว พร้อมตั้งคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน

ล่าสุดวันที่ 14 พ.ย. พระครูสิรินันทวิทย์ เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน ประธานการสอบสวนฝ่ายสงฆ์ แถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ผลการสอบสวนพบว่าพระสงฆ์ทั้ง 3 รูป สร้างความเสื่อมเสียแก่วงการพระสงฆ์เมืองน่าน ส่งผลกระทบไปยังความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง ดังกล่าวไปอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ คณะสงฆ์ยอมรับว่าปัจจุบันมีทั้งพระดีและพระชั่ว ที่อาศัยร่มกาสาวพัสตร์เป็นที่พักพิง หาผลประโยชน์แต่ก็ถือเป็นส่วนน้อย ขอให้แยกแยะ เนื่องจากจะไปบั่นทอนกำลังใจพระสงฆ์ที่ตั้งใจมาศึกษาธรรมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

ส่วนความคืบหน้าของคดี ขณะนี้ พระพิสุทธิศักดิ์ วัดหลับ มืนไตย อ.เวียงสา และพระครูกิตตินันทปรีชา เจ้าอาวาสวัดแช่พลาง อ.ภูเพียง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา “พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร และความผิดฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี” และนำตัวลาสิกขาแล้ว ซึ่งได้ยื่นขอประกันตัวออกมาสู้คดี

ส่วน พระสมุห์อุดร ชินวังโส รองเจ้าอาวาสวัดพญาวัด ได้หนีหายไปจากวัด ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะไปทั้งผ้าเหลือง หรือสึกด้วยตนเองแล้วหนีไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน และอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ซึ่งหากบุคคลใดช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงก็จะมีความผิดร่วมด้วย

จากนี้คณะสงฆ์ จะเรียกประชุมพระในเขตปกครอง หามาตรการในการป้องกันคนที่มีปัญหาเข้ามาบวช โดยตั้งกรรมการร่วมกับตำรวจ ให้มีการตรวจปัสสาวะและตรวจสอบประวัติให้ละเอียด เข้มงวดมากขึ้น

ที่สำคัญก็จะตรวจสอบจริยวัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ให้ มีวัตรปฏิบัติที่ดีงาม ไม่ให้เข้าลักษณะเป็นพระเกย์หรือพระตุ๊ดสร้างความเสื่อมเสียขึ้นอีก

ขจัดกาฝากที่เกาะกินออกไปได้ วงการพระสงฆ์ก็กลับมาผุดผ่อง ใสสะอาดน่าเลื่อมใสอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน