ปิดคดีล่าจับทรชนหื่น
ลวงจ้างพริตตี้ชงเหล้า
มอมยา-ขืนใจ-ชิงทรัพย์ : สดจากสนามข่าว
โดย…ธานี ทวีเกิด / สมศักดิ์ ชฏารัตน์ / อดิษัยต์ พรวนพิมพ์
เรื่อง/ภาพ
จนมุมตำรวจกองปราบปรามในที่สุด
สำหรับ ‘ไอ้เด่น’ นายเด่นภูมิ หรือ โจอี้ วัฒนโชติภิญโญ อายุ 39 ปี
บุคคลสุดอันตรายผู้สร้างความหวาดผวาให้บรรดาสาวสวยผู้รับงานชงเหล้าเอ็นเตอร์เทนลูกค้า
คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ค. เมื่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน รับแจ้งจากคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านถนนกัลปพฤกษ์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ให้ไปจับกุมนายเด่นภูมิ ขณะกำลังนอนนิทราสบายอารมณ์อยู่ในห้องพัก โดยมีหญิงสาวผู้เสียหายเป็นผู้ชี้ตัว
แต่ขณะที่ผู้เสียหายกำลังให้ปากคำพนักงานสอบสวน นายเด่นภูมิก็หาข้ออ้างตำรวจ ว่าขอออกไปเติมเงินโทรศัพท์มือถือ
ก่อนลอยนวลหายเข้ากลีบเมฆไร้ร่องรอย
ทำเอาสาวผู้เสียหายแทบสติหลุด เพราะเธอยืนยันว่าแจ้งต่อตำรวจแล้วว่าถูกนายเด่นภูมิลวงมาขืนใจและยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ตำรวจกลับปล่อยให้คนร้ายเดินออกจากโรงพักหนีไปต่อหน้าต่อตา
ทันทีที่เรื่องดังกล่าวถูกกระจายในโซเชี่ยล ปูมหลังของนายเด่นภูมิก็ถูกขุดคุ้ยออกมาทันที
ประกาศจับ
มีบางข้อมูลระบุว่า นายเด่นภูมินั้นเป็น ‘นิ้ว’ หรือ สายให้กับตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่หลบตาข้างหนึ่งลอบช่วยเหลือ เดือดร้อนถึงพล.ต.ต. พงษ์อนันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 ต้องออกมายืนยันปฏิเสธ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งตามจับตัวทรชนรายนี้มาโดยเร็ว
หลังจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.เป็นต้นมา ก็มีบรรดาเหยื่อสาวทยอยกันเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายเด่นภูมิตามท้องที่เกิดเหตุ
ประกอบด้วย สน.บางขุนเทียน สน. บวรมงคล และ สน.ประชาชื่น รวม 5 ราย
ผู้เสียหายเล่าถึงพฤติกรรมของทรชนรายนี้ไปในทางเดียวกันคือ อ้างตัวเป็นโมเดลลิ่งแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มไลน์พริตตี้ จ้างงานชงเหล้าเอ็นเตอร์เทนลูกค้าให้ราคางาม เมื่อโทรศัพท์พูดคุยกันก็ดัดเสียงทำตัวเป็นสาวประเภทสอง ลวงว่าไม่ได้จ้างงานเพียงลำพัง แต่มีพริตตี้รายอื่นรับงานเดียวกันด้วยจนเหยื่อตายใจ
เหยื่อสาวแจ้งจับทรชนหื่น
แต่เมื่อไปถึงที่จะได้เจอนายเด่นภูมิตามลำพังเท่านั้น ใช้คารมกล่อมจนเหยื่อเชื่อว่าลูกค้าย้ายที่หมายหรือติดธุระด่วน ก่อนฉวยจังหวะใช้มีดข่มขู่บังคับให้เหยื่อเสพยาเสพติดแล้วใช้กำลังขืนใจแบบทารุณวิตถาร โดยถ่ายรูปและคลิปไว้ใช้แบล็กเมล์
หลังตกเป็นเหยื่อกลุ่มสาวได้แชร์อุทาหรณ์แจ้งเตือนกันในไลน์กลุ่ม ก็พบว่ามีคนหลงกลไม่ต่ำกว่า 30-40 ราย
แต่ส่วนใหญ่อับอายเลือกที่จะไม่แจ้งความ ทำให้ไอ้ทรชนย่ามใจ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. สั่งระดมกำลังล่าตัวทันที ตำรวจสนธิกำลังทั้ง บก.น.9 บก.น.7 บก.สส.บชน. กก.ดส.บชน. และกองปราบฯ
นาทีจนมุม
พบประวัติเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่บุญธรรมรับจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไปอุปการะตั้งแต่อายุ 3 เดือน ส่งเสียเลี้ยงดูจนจบมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง
แต่ต่อมากลับมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก่อนผันตัวมาทำงานเป็นพนักงานเชียร์แขกตามสถานบริการต่างๆ จนทำให้รู้จักจุดอ่อน หรือวิธีหลอกผู้หญิง รวมถึงรู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกแจ้งความดำเนินคดี
ที่ผ่านมาเคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้ว 4 ครั้ง ประกอบด้วย คดีชิงทรัพย์ อาวุธปืน ยาเสพติด และคดีข่มขืนเมื่อปี 2561 ก่อนพ้นโทษออกมาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้รวมคดีในลักษณะดังกล่าวที่ก่อเหตุตั้งแต่ช่วงก่อนติดคุก และหลังพ้นโทษออกมา ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีนับสิบๆ คดี
โดนจับยังไม่สลด
หลังจากตามล่าตัวชนิดหายใจรดต้นคอทั้งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ไปขอเพื่อนกบดานด้วย แต่ถูกปฏิเสธ และบ้านพ่อบุญธรรมที่เข้าไปข่มขู่ขอเงิน แต่เจ้าหน้าที่ก็ช้าไปไม่กี่นาทีคลาดกันหวุดหวิด
กระทั่งวันที่ 11 พ.ค. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ก็สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป.นำกำลังไปล็อกตัวนายเด่นภูมิไว้ได้
สอบปากคำยังปฏิเสธ
หลังสืบทราบว่าหลบกบดานที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในซอยเพิ่มสิน 20 เขตสายไหม กรุงเทพฯ
ทันทีที่รู้ว่านายเด่นภูมิจนมุมแล้ว บรรดาเหยื่อสาวก็รวมตัวไปดักรอที่หน้า สน.บางขุน เทียน ก่อนกรูกันประชาทัณฑ์ด้วยความโกรธแค้น
ขณะที่หนุ่มหื่นมองบรรดาเหยื่อด้วยสายตาแข็งกร้าวไร้อาการสลด
หลังพนักงานสอบสวนสอบปากคำเสร็จก็ส่งฝากขังต่อศาล เนื่องจากเจ้าตัวไปประสงค์จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
เพราะให้การปฏิเสธ อ้างอีกฝ่ายสมยอมทุกราย
แต่คงไม่อาจช่วยให้ทรชนรายนี้รอดตัวไปได้ เพราะยังมีผู้เสียหายทยอยแจ้งความจับเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา
