วัฒนชัย จำนงค์ทอง
เรื่อง/ภาพ
ใครจะคาดคิดว่า แค่เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเล็กน้อยด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง จะบานปลายกลายเป็นเหตุฆาตกรรม ไปได้
เหตุสยองครั้งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.อุดรธานี เมื่อ ร.ต.อ.ชวนสันติ อันทคัต.รองสว. สอบสวน สภ.หนองวัวซอ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในเลขที่ 156 ม.8 ต.อูบมุง ในช่วงเที่ยงวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา
หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อม พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, พ.ต.อ.วิษณุ จันปุ่ม ผกก.สภ.หนองวัวซอ, พ.ต.ท.อาทิตย์ จันทรา สว.สส. ตำรวจสายตรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน, เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์เวร ร.พ.หนองวัวซอ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ในสวนพื้นที่ 10 ไร่ บริเวณหน้าโรงจอดรถพบกองเลือดกองใหญ่อยู่บนพื้นปูน มีแว่นสายตาตกอยู่ 1 อัน คราดเหล็ก 1 อัน รองเท้าแตะสีเขียว 1 ข้าง
นอกจากนั้นยังพบรถเข็นที่เปรอะเลือดจอดอยู่ โดยมีรอยเลือดที่ถูกลากจากรถเข็นออกไปทางประตูหลังโรงรถไปสิ้นสุดที่บ่อเกรอะ
เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดฝาบ่อเกรอะออกก็พบศพนายศุภ หรืออำนวย แว่นศิลา อายุ 62 ปี เจ้าของบ้าน อยู่ในบ่อเกรอะลึกประมาณ 1 เมตร สภาพศพ สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ ห่อด้วยแผ่นผ้าใบสีฟ้าขาวในบ่อเจอรองเท้าแตะสีเขียว 1 ข้าง และขอบบ่อมีคราบเลือดด้วย
เมื่อนำศพขึ้นมาชันสูตรเบื้องต้น ก็ต้องพบกับภาพอันสยดสยอง เพราะร่างผู้ตายถูกแทงด้วยของมีคมจนพรุน
นายสมพร สมนาม ผู้ใหญ่บ้านโคกผักหอม เปิดเผยว่า เป็นเพื่อนสนิทกับ ผู้ตายจะเรียกผู้ตายว่า ‘เสี่ยนวย’ ทั้งนี้ผู้ตายมีอาชีพปล่อยเงินกู้ เป็นคนแข็งแรงดูแลรักษาสุขภาพตนเอง
หลังผู้ตายหย่าร้างกับอดีตภรรยา ซึ่งมีลูกด้วยกัน 2 คน แล้วผู้ตายมาพบรักใหม่กับสาววัยคราวลูกเมื่อ 3 ปีก่อน และอาศัยที่บ้านหลังที่เกิดเหตุกับภรรยาใหม่เพียง 2 คนเท่านั้น ทั้งไม่เคยเห็นว่าผู้ตายจะมีศัตรูหรือเคยทะเลาะเบาะแว้งกับใครมาก่อน
ด้าน น.ส.อ้อย (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ภรรยาใหม่ของผู้ตายให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนจะกลายเป็นศพยังเห็นเสี่ยนวยเดินอยู่บริเวณบ้าน ส่วนตัวเองกำลังซักผ้า ระหว่างนั้นได้ออกไปซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม เมื่อกลับเข้าบ้านมาอีกครั้งก็ไม่ทันสังเกตว่าสามีอยู่บ้านหรือไม่ จากนั้นจึงทำกับข้าวมื้อเที่ยง
เมื่อทำกับข้าวเสร็จแล้ว จะออกไปเรียกเสี่ยนวยให้มารับประทานข้าวด้วยกัน แต่พบว่าประตูหน้าบ้านถูกล็อกกุญแจไว้ จึงต้องเดินอ้อมไปออกประตูหลัง พร้อมตะโกนเรียกให้สามีมาทานข้าว แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ
เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงรถเห็นรอยเลือดสาดเกลื่อนพื้น สังหรณ์ว่าเกิดเหตุร้ายกับสามี รีบวิ่งกลับไปในครัวคว้ามีดมาถือไว้เพื่อป้องกันตัว และโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่สมพรพาชาวบ้านมาค้นหาจนพบศพดังกล่าว
เมื่อฟังคำเมียสาวของผู้ตายให้การ ตำรวจทุกนายต่างได้กลิ่นพิรุธโชยมาอย่างชัดเจน เพราะมีหลายสิ่งขัดแย้งกับสภาพที่เกิดเหตุ ประกอบกับลูกชายเสี่ยนวยให้การว่า พ่อเป็นคนระวังตัวตลอด ถ้าไม่ใช่คนสนิทจริงๆ ไม่มีทางเข้าใกล้ตัวได้แน่นอน
ตำรวจจึงเชิญตัว น.ส.อ้อยไปที่โรงพักเพื่อสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง
ในที่สุดสาววัย 22 ปี ก็ทนการกดดันของตำรวจได้ไม่นาน ต้องเปิดปากรับสารภาพออกมาจนได้
ผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนเกิดเหตุไปพบว่าในกระเป๋าของเสี่ยนวยมีถุงยางอนามัยพกอยู่ ทำให้เกิดความหึงหวงว่าสามีคราวพ่อจะปันใจให้สาวอื่น พอเค้นถามความจริงก็เกิดทะเลาะกัน
ก่อนที่เสี่ยนวยจะผลัก น.ส.อ้อยจนหงายกระเด็น แถมยังออกปากไล่จากบ้านเหมือนหมูเหมือนหมา
น.ส.อ้อยอ้างว่า ด้วยการกระทำดังกล่าวของฝ่ายชาย ทำให้เธอเกิดความโกรธจนขาดความยับยั้งชั่งใจ วิ่งเข้าครัวไปคว้ามีดออกมาไล่แทงผัวแก่
เสี่ยนวยรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกจากบ้าน แต่ไปเสียหลักสะดุดล้มลงที่หน้าโรงจอดรถ ฆาตกรสาวจึงตรงเข้าไปกระหน่ำแทงไม่ยั้งจนสิ้นใจตายคามือ
เมื่อสติสตังเริ่มกลับมา ก็เกิดเกรงกลัวความผิดที่ทำลงไปจึงใช้ผ้าใบห่อศพอุ้มขึ้น รถเข็น เตรียมขนศพไปทำลายที่อื่น จากนั้นรีบล้างคราบเลือดที่หน้าโรงจอดรถเพื่อทำลายหลักฐาน
แต่ด้วยเป็นเวลากลางวันกลัวว่าจะมีคนมาเห็นก่อนจึงเปลี่ยนแผน ลากศพไปทิ้งในบ่อเกรอะ แล้วโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือโดยอ้างตามคำให้การครั้งแรก
แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกรรมที่ทำลงไป ถูกตำรวจจับพิรุธได้ในที่สุด