ผ่าปฏิบัติการ‘สยบตะนาวศรี’ – วิธีการจัดการกับขบวนการค้ายาเสพติดที่ถูกนำมาใช้และสร้างความสั่นสะเทือนให้กลุ่มขบวนการเป็นอย่างมากก็คือมาตรการตัดเส้นทางการเงินจากผู้ค้าปลายทางที่จะหมุนเวียนกลับไปสู่ขบวนการและการยึดทรัพย์
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2564 พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4 บช.ปส. พร้อมชุดสยบไพรีเปิดปฏิบัติการ ยุทธการสยบไพรี 64/8 “สยบตะนาวศรี” โดยปิดล้อมตรวจค้น–จับกุม 25 เป้าหมายทั่วประเทศ
จุดสำคัญของปฏิบัติการอยู่ที่ร้านทองแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี โดยพล.ต.ท.มนตรีนำคณะเจ้าหน้าที่พร้อมหมายค้นและหมายจับ เข้าตรวจค้นจับกุมนายธเนศร์พล มนัสปิยะเลิศ ลูกชายเจ้าของร้านทอง ภายหลังตรวจสอบข้อมูล เส้นทางการเงินของขบวนการค้ายาเสพติด พบว่ามีเงินเข้ามาสู่ร้านทองแห่งนี้เพื่อฟอกเงินกว่า 30 ล้านบาท
นายวิฑูรย์เพิ่มพูนภิญโญถูกคุมมาสอบ
พล.ต.ท.มนตรีเผยถึงที่มาที่ไปของปฏิบัติการครั้งนี้ว่า จากสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทางชายแดนทิศตะวันตก ด้านอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งในรอบปี 2562 ถึง 2564 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยไอซ์ น้ำหนัก 3,217 กิโลกรัม เคตามีน 591 กิโลกรัม และเฮโรอีน 77 กิโลกรัม
เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ปี 63 ตำรวจภูธรภาค 7 จับได้ประมาณ 1 ตันครึ่งซึ่งเราสืบทราบว่ายาเสพติดล็อตดังกล่าวนั้นจะถูกลำเลียงส่งไปทางภาคใต้จากนั้นเงินค่ายาที่จะกลับไปยังแหล่งผลิตยาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านจะมีลักษณะจ่ายเป็นทองคำแท่งและมีลักษณะเป็นการกดเงินที่อยู่ตามแนวชายแดนแล้วนำข้ามไปสู่ต่างประเทศซึ่งการจ่ายค่ายาเสพติดนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ
แจ้งข้อหาตามหมายจับ
จากการจับกุมและซักถามผู้ต้องหาที่กระทำความผิดดังกล่าวทำให้ทราบว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มนี้ มีพฤติกรรมลักลอบนำยาเสพติดข้ามชายแดนเข้ามาในจ.กาญจนบุรี เพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มลูกค้า เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาโอนเงินไปยังกลุ่มนักทำบัญชี จากนั้นจะถูกโอนต่อไปยังกลุ่มฟอกเงินรวมถึงกลุ่มร้านค้าทองคำ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายมลยี โดยมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 2 พันล้านบาท
เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ขอศาลออกหมายจับตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน รวม 11 หมาย “ฐานสมคบ สนับสนุน ฟอกเงินและสมคบฟอกเงิน” เพื่อจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดและตัดเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงินดังกล่าว
จากผลการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่สามารถจับ กุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 4 คน และอายัดตัวอีก 1 คน ประกอบด้วย นายวิฑูรย์ เพิ่มพูนภิญโญ นางสาวกานต์รวี หอระบรรณ์ นายธวัชชัย หรือ มดเดชสารนายธเนศพลร์ มนัสปิยะเลิศ รวมถึงอายัดตัว นางสาวนิรดา ไกรวิจิตร
ทั้งนี้พบว่านายวิฑูรย์รับหน้าที่ขนเงินหลายล้านบาทมาฝากเข้าบัญชีธนาคารหลายบัญชีในอำเภอสังขละบุรีจึงเข้าจับกุมตัวนายวิฑูรย์ได้ที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ตำบลหนองลูอำเภอสังขละบุรีก่อนจะควบคุมตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม
ขณะที่ในส่วนของร้านทองดังกล่าวเจ้าหน้าที่จับกุมนายธเนศร์พลลูกชายเจ้าของร้านทองซึ่งทางนายธเนศร์พลและครอบครัวยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงินมีเพียงการขายทองคำให้กับลูกค้าไปตามปกติเมื่อลูกค้าโอนเงินเข้ามาให้ทางร้านก็ให้ลูกค้ามารับทองที่หน้าร้านไม่ได้มีการดำเนินการที่ผิดกฎหมายใดๆ
พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. แถลง
พล.ต.ท.มนตรีให้ข้อมูลอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าร้านทองแห่งนี้ มีคดีฟอกเงินกับทาง ปปง.หลายคดี ส่วนในคดีนี้ ทางบช.ปส. ปปง. ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีจะตรวจสอบทรัพย์สินของร้านทองแห่งนี้ให้ชัดเจนโดยหากพบว่าทรัพย์สินส่วนใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดก็จะส่งคืนให้กับทางเจ้าของแต่หากทรัพย์สินใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะได้อายัดและดำเนินคดีตามข้อกล่าวหา
คดีนี้คาดว่าน่าจะเป็นคดีตัวอย่างของเมืองกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบนำยาเสพติดออกมาจากชายแดนโดยตรง และยังมีการลักลอบฟอกเงินที่นำเงินออกจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับทรัพย์สินที่ยึดอายัดเอาไว้ตรวจสอบ ประกอบด้วย บ้านพร้อม ที่ดิน จำนวน 1 หลัง 3 คูหา ราคาประมาณ 7,000,000 บาท ทองรูปพรรณ ราคาประมาณ 13,000,000 บาท รถยนต์เก๋ง จำนวน 4 คัน มูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน มูลค่าประมาณ 70,000 บาท และเงินสด จำนวน 5,000,000 บาท รวม 30,070,000 บาท
แถลงหน้าร้าน
ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดยังได้ฝากถึงเจ้าของร้านทองที่ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ ขอให้เลิกพฤติกรรมและทำมาหากินอย่างสุจริต เพราะหากร้านทองเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำเรื่องของขบวนการค้ายาเสพติด หากถูกจับได้ก็จะส่งผลเสียต่อธุรกิจของร้านทองนั้นๆ โดยตรง
ศุภมาศ จงสกุล, เกตุแก้ว จงเจริญ
เรื่อง/ภาพ
