ผ่าชนวนฆ่าโหดสาว 19หนุ่มใหญ่รัวสนั่นแท็กซี่อ้างแค้นถูกฝ่ายหญิงทิ้ง – เพราะคนตายพูดอะไรไม่ได้ จึงมีเพียงคำให้การของ นายอำนาจ แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เผยถึงชนวนเหตุของคดีสยองที่ตนเพิ่งก่อขึ้น

ย้อนไปเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 26 พ.ค. 2564 พ.ต.ท.สมพล บุญทา สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ริมถนนพระราม 2 หน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวชฯร.พ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์ หลักฐานกลาง อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถแท็กซี่ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรนา ทะเบียนป้ายเหลือง ทส 344 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมถนนมีร่องรอยการยิงภายในรถหลายนัดมีคราบเลือดติดอยู่ตามที่นั่งเบาะหลัง และมีปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่นอกตัวรถจำนวน 10 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บคือน.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่ง ถูกยิงตามร่างกายรวม 7 นัดถูกนำส่งโรงพยาบาลก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ตร.ปิดล้อมพื้นที่เกิดเหตุไว้ ก่อนได้รับแจ้งจาก พ.ต.ท.นภัสพงษ์ ทัศนา สารวัตร กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 14 ว่าได้ร่วมกับพลเมืองดีช่วยจับกุมผู้ก่อเหตุ เอาไว้ได้ หลังวิ่งหลบหนีไปทางตลาด หน้าห้าง บิ๊กซี พร้อมกับอาวุธปืนออโตเมติกขนาด 9 ม.ม. ยี่ห้อกล็อก 19 ที่ใช้ก่อเหตุ จึงรับตัว มาสอบสวน เบื้องต้นทราบชื่อคือ นายอำนาจ แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี

ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม นำตัวนายอำนาจไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี สาขาพระราม 2 ท่ามกลางประชาชนที่มามุงดูเหตุการณ์จำนวนมาก นายอำนาจเปิดเผยว่า ตนเคยประกอบอาชีพแมสเซ็นเจอร์ ตอนนี้ตกงานมาหลายเดือนแล้ว ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยตนกับผู้เสียชีวิตแอบคบหาเป็นแฟนกันมา 7 ปีแล้ว แต่เมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ผู้ตายพยายามตีตัวออกห่าง ติดต่อไม่ค่อยได้

วันนี้จึงตัดสินใจขับจยย.มาจอดรอที่ปากซอยพระราม 2 ซ.100 ดักรอและตามขึ้นรถเมล์ เพื่อจะเคลียร์ปัญหา แต่กลับทะเลาะกันมีปากเสียงตั้งแต่บนรถเมล์จนถึงที่เกิดเหตุ ด้วยความโมโหและถูกผู้ตายถีบใส่ขาและพยายามหนีโดยขึ้นรถแท็กซี่ ตนตามไปยื้อให้ลงจากรถแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมจึงชักปืนออกมายิงใส่ด้วยความโมโห

พล.ต.ต.พงศ์อนันต์กล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้น ตัวนายอำนาจ อ้างว่ารู้จักกับผู้ตายมานาน วันนี้มาดักรอพระราม 2 ซ.100 เพื่อจะเคลียร์ ระหว่างทางที่อยู่บนรถเมล์ได้มีปากเสียงกันมาตลอด กระทั่งลงรถเมล์แล้วจะต่อแท็กซี่ นายอำนาจไม่ยอมใช้ปืนไม่มีทะเบียน ยิงใส่ผู้ตาย ตั้งปมไว้ว่ามาจากความหึงหวงไว้ก่อน หลังจากนี้จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

ตอนนี้แจ้งข้อหาแก่นายอำนาจไว้ 3 ข้อหาคือ “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร” หลังจากนี้พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายอำนาจ ลงมาชี้จุดเกิดเหตุข้างรถแท็กซี่ก่อนจะคุมตัวไปยังสน.ท่าข้าม สอบสวนอย่างละเอียดเพื่อดำเนินคดีต่อไป

ด้านพ่อของผู้ตาย อายุ 58 ปี เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าตนออกมาส่งลูกขึ้นรถเมล์เพื่อจะไปเรียน โดยลูกกำลังศึกษาอยู่ปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งทุกวันเมื่อถึงมหาวิทยาลัย ลูกจะโทรมาบอกทุกครั้ง แต่วันนี้ตนเห็นว่าเวลาผ่านไปนานผิดสังเกต จึงโทรศัพท์ไปหาลูก แต่ปรากฏว่าปลายสายเป็นพยาบาล ซึ่งตนคิดว่า ลูกสาวอาจถูกลูกหลงจากกลุ่มนักเรียนตีกัน แต่มาทราบทีหลังว่า ถูกนายอำนาจยิง

ส่วนเรื่องที่นายอำนาจ อ้างว่าคบหากับลูกสาวตนมานานกว่า 7 ปี พ่อแม่ไม่เคยทราบเรื่อง และไม่เชื่อ ซึ่งตอนทำแผนประกอบ คำรับสารภาพก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มากก่อน โดยก่อนหน้านี้ เคยถามลูกว่าคบหากับใครอยู่หรือไม่ ลูกก็บอกว่าไม่มี ตนมีลูก 2 คน ผู้ตายเป็นคนเล็ก และเป็นความหวังของบ้าน มีอุปนิสัยเหมือนเด็กสาว ทั่วไป ร่าเริงเป็นปกติ ไม่คิดว่าจะต้องมาเสียชีวิตเพราะเหตุนี้

ไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไร ย่อมไม่ใช่เหตุผลในการอนุญาตให้พรากชีวิตใครได้

พิรยุทธ์ นิ่มนนท์
สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย
เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน