ผ่าคดีจับแก๊งหนีบทรัพย์
ลักถ่านไฟฉายสูญเป็นแสน
เลือกลงมือแต่ร้านไทวัสดุ
สดจากสนามข่าว
โดย…กัมปนาท ขันตระกูล/สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย เรื่อง/ภาพ
รูปแบบวิธีการก่อเหตุลักทรัพย์ของโจรแต่ละคนก็แตกต่างกันไปตามความชำนาญ วิธีการหนีบของก็เป็นหนึ่งในวิธีหนึ่งที่มิจฉาชีพชอบนำมาใช้ซุกซ่อนของที่ขโมยมา ถึงขนาดรวมตัวเป็นแก๊งหนีบทรัพย์ที่ตระเวนก่อเหตุเป็นล่ำเป็นสัน
สิบโมงเช้าวันที่ 28 พ.ค. ที่บริเวณหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี นำทีมพร้อมด้วย พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รอง ผบก.ภ.จว.พชรบุรี พ.ต.อ. ปัญญา กุลไทย ผกก.สภ.ชะอำ พ.ต.ท.อภิเชษฐ์ ทรัพย์ส่งเสริมรอง ผกก.สส.สภ.ชะอำ พ.ต.ต.ทวีเดช เทียนทอง สว.สส.สภ.ชะอำ แถลงจับกุมผู้ต้องหาลักทรัพย์พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย ประกอบด้วย นายโอภาส สุวรรณา อายุ 53 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี 144/2564 ลงวันที่ 24 พ.ค. 2564
ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับ” พร้อมด้วยของกลาง 1.ใบเสร็จรับเงิน ร้านไทวัสดุก่อสร้าง สาขาศาลายา จำนวน 1 แผ่น ซิมการ์ดโทรศัพท์ 2 ชิ้น นาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อคาสิโอ จำนวน 1 เรือน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และ น.ส.ศิริลักษณ์ หรือ เอ๋ เอี่ยมสุวรรณ อายุ 44 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี 145/2564 ลงวันที่ 24 พ.ค. 2564 ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับ” พร้อมด้วยของกลางเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงผ้ายืดขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีเทา-ชมพู
แผนผังแก๊งหนีบ
พล.ต.ต.อุทัยเปิดเผยว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 1 เม.ย. เวลา 13.55 น.ที่ผ่านมา ตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด สาขาชะอำ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.ทนงศักดิ์ รักสัตย์ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ชะอำ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษหลังได้ถูกคนร้ายซึ่งทราบเบื้องต้นว่าเป็นผู้ชาย 1 คน และผู้หญิง 2 คน ใช้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง เป็นยานพาหนะก่อเหตุลักทรัพย์ถ่านอัลคาไลน์ จำนวน 3 รายการ มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น จำนวน 19,617 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 เวลาประมาณ 14.00 น. โดยมีกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพของกลุ่มผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้
แจงรายละเอียด
หลังรับแจ้งชุดสืบสวน สภ.ชะอำ ออกสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบว่าเป็นฝีมือของแก๊งขาหนีบ ที่มีพฤติกรรมการก่อเหตุโดยใช้แขน-ขา หนีบของลักทรัพย์ออกมาตามห้าง มีนายโอภาส สุวรรณา หรือฉายา ‘ภาส ขาหนีบ’ เป็นหัวโจก ร่วมกับ น.ส.ศิริลักษณ์ เอี่ยมสุวรรณ และ น.ส.ชุติกาญจน์ เดาชิง จึงขอหมายศาลจังหวัดเพชรบุรี เข้าจับกุมตัวนายโอภาส และ น.ส.ศิริลักษณ์ ได้ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วน น.ส.ชุติกาญจน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างกำลังติดตามจับกุม
ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุดังกล่าวจริงโดยทำเป็นอาชีพหลัก เลือกเฉพาะร้านไทวัสดุ ส่วนใหญ่จะเน้นเอาถ่านไฟฉาย 2A-3A เนื่องจากขนาดเล็ก ขโมยง่าย ซุกซ่อนง่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีแหล่งนำของไปขายทอดตลาด เพราะเน้นลักทรัพย์ถ่านไฟฉายราคาแพงพวก long life หากพลาดท่าโดนจับส่งตำรวจก็จะรับสารภาพในคดีลักทรัพย์ซึ่งมีโทษไม่หนัก เช่นก่อนหน้านี้ น.ส.ศิริลักษณ์เคยถูกจับและรับสารภาพศาลปรับ 15,000 บาท ส่วนโทษจำให้รอลงอาญาเอาไว้ก่อน
หลักฐานมัด
ครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จึงได้มีการแจ้งข้อหาลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ซึ่งโทษหนักขึ้น คราวนี้จะรวบรวมประวัติ การทำผิด เสนอให้ศาลพิจารณาเพิ่มเติมรวมกับโทษที่เคยรอลงอาญาให้หมด และให้พนักงานสอบสวนทำการคัดค้านการประกันตัวด้วย
จากการตรวจสอบพบว่าตั้งแต่ต้นปี แก๊งนี้ก่อเหตุที่ร้านไทวัสดุมาแล้ว 7 สาขา ประกอบด้วย วันที่ 16 ก.พ. ที่ร้านไทวัสดุ สาขาบางใหญ่ สภ.ปลายบาง มูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท, วันที่ 7 มี.ค. ที่ร้านไทวัสดุ สาขามหาชัย สภ.เมืองสมุทรสาคร มูลค่าความเสียหายประมาณ 7,500 บาท, วันที่ 31 มี.ค. ร้านไทวัสดุ สาขาเพชรบุรี สภ.บ้านลาด มูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท
วันที่ 31 มี.ค. ที่ร้านไทวัสดุ สาขาชะอำ สภ.ชะอำ มูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท, วันที่ 1 เม.ย. ที่ร้านไทวัสดุ สาขานครราชสีมา สภ.โพธิ์กลาง มูลค่าความเสียหายประมาณ 5,000 บาท, วันที่ 4 พ.ค.ที่ ร้านไทวัสดุ สาขามหาชัย สภ.เมืองสมุทรสาคร มูลค่าความเสียหายประมาณ 15,500 บาท, วันที่ 6 พ.ค. ที่ร้านไทวัสดุ สาขานวมินทร์ สน.โคกคราม มูลค่าความเสียหายประมาณ 20,000 บาท และวันที่ 7 พ.ค. ที่ร้านไทวัสดุ สาขาศาลายา สภ.สามพราน มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น 128,000 บาท
จากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ และติดตามตัวผู้ก่อเหตุที่เหลือมาดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
ปิดฉากแก๊งหนีบทรัพย์ไปได้อีกแก๊ง
