จับตา’มหากาพย์กกกอก’ ‘ลุงพล-ทนายตั้ม’สู้กลับ ร้องสภา-ซบส.ส.สิระ ‘แม่ชมพู่’เปิดทนายชน!! : แฟ้มคดี
จับตา’มหากาพย์กกกอก’ – ดูท่าจะไม่จบง่ายๆ สำหรับคดีลุงพล ที่ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหาหนักในคดีน้องชมพู่
เมื่อทีมทนายความเดินหน้าเต็มที่ ยื่นประกันตัวชั้นฝากขังศาล พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ว่าลุงพลไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการเสียชีวิตของน้องชมพู่
พร้อมกันนั้นยังพุ่งประเด็นไปที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่ามีอคติ สร้างความเสียหายให้ลุงพล ยื่นคำร้องเท็จต่อศาลเพื่อให้อนุมัติหมายจับ
เดินหน้าร้องเรียนประธานกมธ.กฎหมายและการยุติธรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้เข้ามาตรวจสอบ
ขณะที่อีกฝ่ายก็คือแม่ของน้องชมพู่ ได้เปิดตัวทีมทนายต่อสู้คดี พร้อมยื่นขอเป็นโจทก์ร่วม เมื่ออัยการส่งฟ้อง
และหากอัยการไม่ฟ้องก็พร้อมเดินหน้าสู้คดีเอง ไม่มีมวยล้ม เอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับลูกสาว
สู้กันยืดเยื้อขั้นมหากาพย์แน่ๆ
โวยตร.วางแผนรวบลุงพล
หลังจากถูกจับกุมใน 3 ข้อหาสำคัญ ประกอบด้วย 1.พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสีย+จากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย 3.กระทำการใดๆ แก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
และถูกส่งตัวมาดำเนินคดีที่สภ.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ต่อมาเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายไชย์พลไปขออำนาจฝากขังที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร
ขณะที่ทนายความยื่นคัดค้านขอประกันตัว และในที่สุดศาลอนุมัติให้ประกันตัว โดยมีหลักทรัพย์เป็นเงินสด 1.8 แสนบาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาหลบหนี ข่มขู่พยาน ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ก่อเหตุอันตรายประการอื่น ห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาลแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
และแต่งตั้งให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านกกตูม ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เป็นผู้กำกับดูแลผู้ต้องหา เพื่อให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนดโดยเคร่งครัด หากผู้ต้องหาผิดข้อกำหนดเงื่อนไข ศาลจะพิจารณาสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวหรือมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร
ทั้งนี้ นายษิทราระบุว่า การจับกุมครั้งนี้เหมือนมีเบื้องหลัง ก่อนหน้านี้เมื่อปีก่อนเคยร้องต่อศาลว่าหากเกิดออกหมายจับขอให้ไต่สวนก่อน แต่หลังจากคดีเงียบไป 1 ปีก็พบว่ามีความพยายามหาคนผิดให้ได้ และมุ่งมาที่ลุงพล ซึ่งถือว่าผิดหลักการสอบสวน
ก่อนที่ศาลอนุมัติหมายจับ ก็มีกระแสข่าวว่าจะอนุมัติหมายจับ ตนเป็นคนบอกลุงพลให้มาหาตน ก็ออกจากบ้านมาตามปกติ ตำรวจยังไม่ได้ไปล้อมบ้าน ซึ่งเข้าใจได้ว่าต้องการให้เห็นภาพตำรวจบุกจู่โจมจับกุมตอนเช้า เห็นภาพลุงพลงัวเงีย ให้เห็นว่าถูกล้อมจับ ซึ่งจะสร้างความเสียหายมาก
ต่อมาช่วงสายทราบว่ามีการออกหมายจับ จริง ก็ตัดสินใจไปมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พอประสานไปก็มีคนบอกว่ามาได้ จะไม่ดักจับระหว่างทาง ก็สงสัยว่าจะมาดักจับทำไมเพราะจะมามอบตัวอยู่แล้ว
แต่จากนั้นก็มีโทรศัพท์กลับมา บอกว่าผบ.ตร.ไม่มีนโยบายให้รับมอบตัวที่สตช. ให้ไปที่สน.ปทุมวัน ซึ่งก็ทราบแล้วว่ามีการวางกำลังเอาไว้ ถ้าไปก็จะจับกุมก่อนมอบตัว จึงเดินทางไปที่สตช.ตามที่นัดหมายไว้ สุดท้ายก็ถูกควบคุมตัวส่งกลับมาดำเนินคดี
ทั้งนี้ ในคำร้องคัดค้านประกัน ฝ่ายตำรวจกลับบอกว่าลุงพลมีพฤติการณ์ หลบหนี ทั้งที่ตอนเดินทางมาจากบ้านที่ กกกอก ยังไม่มีการออกหมายจับเลยด้วยซ้ำ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาว่าเป็นการให้การเท็จต่อศาลหรือไม่ และในการจับกุมเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไหม
เป็นเรื่องที่ต้องสู้กันต่อไป
ยื่นกมธ.เอาผิด-จี้’บิ๊กปั๊ด’แจง
ต่อมาวันที่ 9 มิ.ย. นายษิทรา หรือทนายตั้ม พร้อมลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น เดินทางมาสักการะรูปหล่อหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จากนั้นจึงเดินทางไปรัฐสภาเพื่อเข้าพบนายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ในช่วงบ่าย
โดยนายสิระระบุว่า ทราบว่าลุงพลและทนายษิทรามายื่นหนังสือเพราะติดใจในการพิจารณาออกหมายจับ ยืนยันว่าจะไม่เกี่ยวกับเรื่องในสำนวนคดี
ส่วนประเด็นที่พุ่งเป้าและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงจะเกี่ยวข้องกับรูปคดีหรือไม่นั้น สิ่งใดที่อยู่ในอำนาจเราจะดำเนินการ ไม่ใช่ว่าจะรับเรื่องร้องเรียนในกรณีของนายไชย์พล แต่ประชาชนทั่วไปก็สามารถร้องเรียนมาได้ อย่างไรก็ตาม จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมกมธ. กฎหมายฯ ภายในสัปดาห์หน้า ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมกมธ.กฎหมายฯ จะรับเรื่องไว้พิจารณาหรือไม่ ขอให้มั่นใจว่าดำเนินการต่างๆ จะไม่ก้าวล่วงพยานหลักฐาน และสำนวนคดีต่างๆ ซึ่งจะดูเพียงแค่ตำรวจไม่อำนวยความยุติธรรมไม่ถูกต้อง
ผมจับพฤติกรรมของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะที่ลงพื้นที่บ้าน กกกอก ว่าเคยประกาศว่าจะจับผู้ร้ายให้ได้ภายใน 1 ปี และก็ประจวบเหมาะพอดีว่าการออกหมายจับครั้งนี้ครบ 1 ปีพอดี จึงตั้งข้อสังเกตวันนี้เป็นความบังเอิญ หรือมีการกดดันเจ้าหน้าที่หรือไม่ โดยจะลงพื้นที่บ้านกกกอกในวันที่ 12 มิ.ย.นี้
นายษิทราย้ำว่า การยื่นเรื่องให้กมธ.ตรวจสอบ เนื่องจากเราไม่ได้รับความเป็นธรรมจากตำรวจ จึงต้องมาร้องเรียนประธานกมธ.กฎหมายฯ เพื่อตรวจสอบพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จากกรณีการออกหมายจับนายไชย์พล
ซึ่งยืนยันแล้วว่าไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่เจ้าพนักงานไปทำคำร้องออกหมายจับ อ้างเหตุว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ทำให้ศาลหลงเชื่อและออกหมายจับ
ไม่เพียงแค่นั้น หลังจากมีการออกหมายจับเราได้ไปมอบตัว แต่ผบ.ตร.ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าพนักงานสอบสวนทั่วประเทศกลับไม่ยอมรับมอบตัวและทำบันทึกการจับกุม เพื่อให้ลุงพลได้รับความอับอาย มีผลต่อการคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล
ส่วนลุงพลระบุขอให้กมธ.กฎหมายฯ ทำงานรอบคอบ เป็นบรรทัดฐานให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม และยืนยันว่าคดีของตนจะไม่หลบหนีไปไหน จะต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด
เป้าหมายอยู่ที่ผบ.ตร.
แม่ชมพู่เปิดทีมทนาย-ลั่นสู้ตาย
ขณะที่คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างการทำสำนวนยื่นอัยการส่งฟ้อง ซึ่งฝ่ายตำรวจก็มั่นใจหลักฐานสำคัญที่เป็นเศษผมของน้องชมพู่ที่ถูกหั่นหลังเสียชีวิตแล้วไปติดอยู่ในรถลุงพล กับเศษผมของคนใกล้ชิดลุงพลเองที่ไม่ได้ขึ้นไปบนเขาเหล็กไฟ แต่กลับมีเศษผมไปอยู่ที่จุดเกิดเหตุ
โดยบรรยากาศที่บ้านกกกอกกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างแบ่งกันเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย และเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้ง 2 บ้าน ทั้งบ้านแม่น้องชมพู่ หรือนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และบ้านลุงพล ต่างทำพิธีเอิ้นขวัญประชันกัน ซึ่งชาวบ้านที่สนับสนุนแต่ละฝ่ายก็แยกย้ายกันไปตามบ้าน
นางสาวิตรียอมรับว่าทนายฝ่ายลุงพลมีความสามารถและหนักใจที่จะต่อสู้คดีด้วย แต่ก็ยืนยันไม่มีมวยล้ม ไม่เคยไปรับเงินรับทองมาจากใคร พร้อมสู้จนตัวตายเพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับมาให้ลูกสาว
ต่อมาวันที่ 9 มิ.ย. ที่โรงแรมมุกดาวิลล์ อ.เมือง จ.มุกดาหาร นางสาวิตรี พร้อมนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม ก็จัดแถลงข่าวเปิดตัวทนายความสู้คดีน้องชมพู่
นายอัจฉริยะเปิดเผยว่า คดีน้องชมพู่ได้แบ่งออกเป็น 2 คณะทำงาน มีทนายความ 4 คน 2 คนแรกจะทำคดีของน้องชมพู่ ส่วนอีก 2 คนจะทำคดีการปกป้องสิทธิของแม่และพ่อน้องชมพู่ โดยมีนายวินัย ชุมสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าทีมทนายความ ขณะที่ตนจะเป็นที่ปรึกษา
ขอให้มองว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรม ไม่ใช่คดีการเมือง จึงขอให้ทีมงานนายสิระที่จะมาพบนางสาวิตรีงดเว้นเสีย เพราะไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง
โดยรายละเอียดของคดีจะรอให้อัยการยื่นฟ้อง และจะยื่นขอเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ
เรื่องนี้ก็ไม่มีความหนักใจหรือกังวลแต่อย่างใด ส่วนที่อีกฝ่ายตอบโต้ว่าไม่มีหลักฐานชี้ชัดที่ว่าลุงพลเป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ เชื่อว่าหลักฐานยังมีอีกมาก มีพยานหลักฐานอีกหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างชัดเจนเกี่ยวกับรูปคดี พนักงานสอบสวนก็คงไม่มีวันเปิดออกมาหรอก จนกว่าจะถึงขั้นตอนของการพิสูจน์ในชั้นศาล
ด้านแม่น้องชมพู่เปิดใจอีกครั้งขอบคุณทุกคนที่ยืนเคียงข้างให้กำลังใจ ในขณะที่สังคมผิดเพี้ยน ผู้ต้องหากลายเป็นดารา ผู้สูญเสียกลับเป็นคนถูกสังคมกล่าวหา
เป็นที่แน่ใจกันว่าต่อสู้กันยืดเยื้อแน่นอน???