เป็นคดีใหญ่ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

สำหรับกรณีครูแพะ จอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ที่ถูกคำพิพากษาจำคุกโดยศาลฎีกา ในคดีขับรถชนคนตายเมื่อปี 2548

ที่ได้ยื่นขอรื้อคดี ด้วยความช่วยเหลือของกระทรวงยุติธรรม พร้อมเดินสายออกรายการโทรทัศน์ โจมตีการทำงานของพนักงานสอบสวนในคดี

ระบุว่าที่โดนคดีเพราะไม่ยอมจ่ายเงินให้ตำรวจ!

ส่งผลให้เกิดกระแสโจมตีการทำงานของตำรวจอย่างหนัก

จนกระทั่ง ผบ.ตร. ต้องกำชับให้คลี่คลายคดีให้ชัดเจน และพบพิรุธหลายอย่างทั้งเรื่องพยานที่อ้างว่าขับชนเอง โยงใยไปถึงแก๊งรับจ้างติดคุก

ในที่สุดคดีก็ขึ้นสู่ศาล ซึ่งผลก็คือการพิพากษายกฟ้อง

เท่ากับจบคดีครูจอมทรัพย์ แต่เริ่มบทใหม่ด้วยการเช็กบิลขบวนการให้การเท็จ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อ นายสับ วาปี พยานปากเอก ที่รับว่าเป็นคนขับรถชนเอง ออกมายอมรับว่าถูกจ้างด้วยเงิน 4 แสนมาให้การ

คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องย่อมหนาวๆ ร้อนๆ

จ่อถูกดำเนินคดีกันทั่วหน้า

ย้อนพิรุธแก๊งครูจอมทรัพย์

สำหรับคดีนี้ตกอยู่ในความรับรู้ของสังคม เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2560 โดย นางจอมทรัพย์ เข้าขอบคุณ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่ช่วยเหลือรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่

ในคดีที่ขับรถปิกอัพอีซูซุ สีเขียว รุ่นเคบีแซด ทะเบียน บค 56 สกลนคร เฉี่ยวชนนายเหลือ พ่อบำรุง ขณะปั่นจักรยาน เสียชีวิตริมถนน ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม

โดยเจ้าตัวอ้างว่า ในการพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากวันเกิดเหตุตนพักผ่อนอยู่กับสามีและครอบครัวที่บ้านในจ.สกลนคร

แต่ตำรวจก็นำสำนวนส่งอัยการฟ้องศาล พิจารณากัน 3 ศาล จนถูกตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน และได้รับพระราชทานอภัยโทษออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2556 รวมถูกจำคุก 1 ปี 6 เดือนที่เรือนจำจังหวัดนครพนม

ทำให้ถูกไล่ออกจากข้าราชการครู จึงต้องการรื้อคดีเพื่อขอกลับเข้ารับราชการ

โดยคดีนี้ พ.ต.อ.ดุษฎี สั่งให้ดีเอสไอลงไปสอบสวน และก็พบกับ นายสับ วาปี ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถชนคนตาย พร้อมกับพยานหญิง 2 คนที่ขี่จยย.มาในที่เกิดเหตุ จึงเป็นหลักฐานเพียงพอที่ยื่นให้ศาลรื้อคดีขึ้นมาใหม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้นลงไปคุมคดี

ในที่สุดก็พบว่ามีแก๊งเป็นขบวนการรับจ้างติดคุกแทน แถมตั้งแต่ครูจอมทรัพย์พ้นโทษ มีคนมารับว่าเป็นคนขับรถชนแทนถึง 2 คน

นอกจากนี้ยังพบพิรุธ เมื่อนายสับอ้างว่ารถที่เกิดเหตุเป็นปิกอัพทะเบียน บค 56 จริง แต่เป็นหมวดจังหวัดมุกดาหาร

แต่เมื่อตรวจสอบไปพบว่า รถคันดังกล่าวเป็นของนายอุบล ไชยบัน ที่ซื้อมาจากนายนิรันดร์ ทูนแก้ว อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.กุดเข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร เพื่อนนายสับ ในราคา 33,000 บาท

โดยมีชื่อนายสับเป็นเจ้าของจริง และโอนลอยมาให้ เมื่อได้รถมาก็ใช้บรรทุกอ้อย ปุ๋ย มันสำปะหลัง จนพังจึงจอดทิ้งไว้ ก่อนจะขายให้พ่อค้ารับซื้อของเก่าในราคา 15,000 บาท เมื่อปี 2551

หลังเกิดเหตุก็มีคนมาให้ช่วยหาชิ้นส่วนและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรถคันดังกล่าว แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะขายไปหมดแล้ว

เป็นพิรุธหลายประเด็นที่พบเจอ

ศาลชี้พิรุธ-ไม่รื้อคดีครูรถชน

ในที่สุดก็ได้ข้อสรุป เมื่อบ่ายวันที่ 17 พ.ย. ศาลจังหวัดนครพนม อ่านคำพิพากษาคดีที่นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 55 ปี อดีตข้าราชการครู ผู้ต้องหาคดีขับรถชน นายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต ในพื้นที่อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548 ร้องขอให้ศาลรื้อคดีตามพ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาพิจารณาใหม่ หลังจากที่ได้รับอภัยโทษ เมื่อปี 2556

ซึ่งถือเป็นการเลื่อนอ่านคำพิพากษาเร็วขึ้น จากเดิมที่นัดอ่าน คำพิพากษาในวันที่ 7 ธ.ค.

โดยนางจอมทรัพย์เปิดเผยว่า ที่ขอให้ศาลอ่านคำพิพากษาก่อนกำหนดเพราะมีความพร้อม อยากฟังคำพิพากษา ไม่ต้องรอไปฟังวันที่ 7 ธ.ค. เพื่อให้คดีสิ้นสุดเสียที ผลที่ออกมาอย่างไร ก็ขอน้อมรับ ครอบครัวจะได้อยู่เป็นสุข ไม่ต้องพะวงกับการรอคอยอะไร

ทั้งนี้ในการอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกาได้ยกคำร้องขอรื้อฟื้นคดี พร้อมสรุปสาเหตุที่ยกคำร้องใน 2 ประเด็น คือประเด็นแรกพยานหลักฐานที่ครูจอมทรัพย์นำสืบช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. 2560 แม้ก่อนหน้านี้ฝ่ายผู้ร้องจะยื่นรื้อฟื้นคดี โดยอ้างนายสับ วาปี ที่ออกมายอมรับว่าเป็นคนขับรถชนแทนนางจอมทรัพย์ จนกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 รับรื้อฟื้นคดี

แต่หลังจากที่ศาลรับรื้อฟื้นคดี ในวันสืบพยานฝ่ายผู้ร้องกลับไม่ได้นำตัวนายสับ วาปี ขึ้นเบิกความในชั้นศาล แม้ว่านายสับจะเดินทางมาในวันดังกล่าวจริง

และยังน่าสังเกตว่าว่าการให้การของนายสับ ที่อ้างว่าขับรถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ไปหาซื้อไม้ยูคาฯ มาขาย แต่ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผิดวิสัยของผู้ที่จะรับซื้อไม้ และการให้ปากคำกับตำรวจสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งเมื่อเป็นคนให้รายละเอียดการสารภาพ แต่กลับไม่มาเบิกความในชั้นศาล จึงมองว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการซักค้านของอัยการ

ขณะที่พยานที่เห็นเหตุการณ์ โดยเฉพาะนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ ที่ให้การในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณาคดีของศาล ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำให้การของพยานมีลักษณะไม่น่าเชื่อถือ ให้การวกไปวนมา และไม่เหมือนเดิมทั้ง 3 ครั้ง

ส่วนพยานอื่น อาทิ นางทองเรศ ที่นางทัศนีย์อ้างว่าเป็นผู้ซ้อนจยย.ในวันเกิดเหตุ ก็ไม่ได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนตั้งแต่ครั้งแรกในวันเกิดเหตุ แต่มาปรากฏตัวภายหลัง

จึงให้ยกคำร้อง

‘สับ วาปี’รับโดนจ้าง 4 แสน

แม้คดีของครูจอมทรัพย์จะสิ้นสุดลงตามคำพิพากษาของศาลแล้วก็ตาม แต่เรื่องอื่นๆ กลับเพิ่งเริ่มต้นขึ้น โดย พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.นครพนม เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีครูจอมทรัพย์ พร้อมตั้งพ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง รองผบก.ภ.จว.นครพนม เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนที่แอบอ้างเป็นพยานเท็จ

โดยพ.ต.อ.ณรงค์ วงศ์ธรรม ผกก.(สอบสวน) บก.ภ.จว.นครพนม เข้าแจ้งความต่อพ.ต.ต.สุระ บุญโยธา สว.(สอบสวน)สภ.นาโดน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสับ วาปี อายุ 61 ปี ที่อ้างว่าเป็นคนขับรถชนคนตายตัวจริง นายบุญเทิง วาปี อายุ 63 ปี นายเลิศ วาปี อายุ 66 ปี พี่ชายนายสับ และนางจันทร์ วาปี อายุ 59 ปี ภรรยานายสับ

ในข้อหาให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานผู้กระทำหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ มีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน ที่นำมาเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชนจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี

นอกจากนี้ยังแจ้งความต่อพ.ต.ท.กฤษดา สุพรรณกูล สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม ให้ดำเนินคดีกับนาย นิรันดร์ แสนเมืองโคตร สามีนางจอมทรัพย์ นายสุริยา นวลเจริญ หรือครูอ๋อง อายุ 54 ปี เพื่อนครูจอมทรัพย์ นายสับ วาปี นายรัน โทนแก้ว ญาตินายสับ และนาง ทัศนี หาญพยัคฆ์ ในข้อหาให้การเท็จ

อีกทั้งยังแจ้งจับครูจอมทรัพย์ ในข้อหาให้การเท็จ และเตรียมออกหมายจับทั้งครูจอมทรัพย์ และครูอ๋อง ตัวการ

โดยนางทัศนีย์เผยว่า ที่ผ่านมาเหมือนทำคุณบูชาโทษ ตนเพิ่งเห็นหน้าครูจอมทรัพย์ก็หลังออกจากคุก ที่แวะมาหาที่บ้านพร้อมครูอ๋อง และนายนิรันดร์ ส่วนเรื่องโดนแจ้งข้อหาก็ขอไม่ตอบ แต่หากมีหมายจับจริงก็จะเรียกให้ ชาวบ้านมาช่วย

นอกจากนี้หลังจากถูกหมาย นายสับ ก็เข้าพบพนักงานสอบสวนที่บก.ภ.จว.นครพนม เพื่อขอมอบตัว พร้อมยอมรับว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ขับรถชนคนตาย ตามที่ให้การกับตำรวจ แต่มีครูอ๋อง ที่มาติดต่อและรับปากจะให้เงิน 4 แสนบาท แลกกับการรับผิดแทน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้อะไรสักบาท

ตอนมาติดต่อเพื่อให้รับสารภาพก็ถูกเกลี้ยกล่อม จนยอม ไม่คิดว่าเรื่องราวจะใหญ่โตถึงขนาดนี้ จริงๆ ไม่ได้ชน ไม่ใช่คนขับรถ โดยวันเกิดเหตุตนอยู่ที่มุกดาหาร

ทั้งนี้จากการสอบสวนพบว่า นายสับ รับจ้างด้วยเงิน 4 แสนบาท ให้มารับสารภาพว่าเป็นคนขับรถชนคนตาย พร้อมเข้าพบตำรวจเพื่อสารภาพเมื่อปี 2557 โดยก่อนหน้านี้ มีการจ้างนายเสริฐ รูปสะอาด ในราคา 1 แสนบาทให้รับสารภาพว่าเป็นคนขับรถชนแทน และเข้าสารภาพที่สภ.เรณูนครเมื่อปี 2556

แต่จากการสอบสวนก่อนหน้านี้พบว่านายเสริฐขับรถไม่เป็น ทำให้ขบวนการนี้ต้องเปลี่ยนตัวคนรับผิดแทน

นอกจากนี้ทั้งหมดมี ‘ครูอ๋อง’ เป็นคนคอยประสานงาน

ซึ่งในขบวนการยังมีอีก รอให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินคดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน