แฟ้มคดี – ผ่าคดีรับน้องมรณะ รุ่นพี่โหดรุมเตะดับ อุเทนฯเต้น-ไล่ออก จี้ล้อมคอกเหตุสลด

เป็นอีก 1 ความสูญเสียที่มีต้นเหตุเกี่ยวพันกับการรับน้อง

สำหรับกรณีการเสียชีวิตของน้องปลื้ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2 อุเทนถวาย ที่แม้จะไม่ใช่น้องใหม่ แต่ในฐานะรุ่นน้องที่ต้องเตรียมงาน ดันไปทำสิ่งที่รุ่นพี่ไม่พอใจ

และแทนที่จะพูดจากันตามประสาผู้ที่มีอารยะ กลับใช้อำนาจเป็นใหญ่ ลงมือทำร้ายร่างกาย

ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเพื่อต้องการสั่งสอน แต่ผลัดกันลงมือ เตะเข้าไปที่หน้าอก สุดท้ายก็เกิดอาการบาดเจ็บ จนเสียชีวิต ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัว

หนำซ้ำยังปิดบังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ยอมรับความจริง อ้างเป็นอุบัติเหตุตกเก้าอี้ โยนความผิดให้กับผู้ตายที่ไม่สามารถตอบโต้ได้

วงจรปิดจับภาพ

จนกระทั่งเรื่องราวถูกเปิดเผยตามสื่อต่างๆ ขณะที่ครอบครัวก็เดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรม

การสอบสวนในสถานศึกษาจึงเกิดขึ้น ตามมาด้วยการยอมรับสารภาพจากบรรดารุ่นพี่ทั้ง 12 คน ว่าลงมือทำร้ายรุ่นน้องจริง

เป็นการแสดงความเมตตาที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ!??

โดยจากนี้ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม พร้อมกับเร่งหาวิธีกันอย่างจริงจัง

ไม่ให้ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

■ แม่โวยลูกตายปริศนา

เหตุการณ์นี้ปรากฏเป็นที่รับทราบของสังคมเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เมื่อนางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 57 ปี ชาวต.หนองกี่ อ.หนองกี่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน ระบุว่า ลูกชาย นายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือ น้องปลื้ม อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย รุ่น 89 เสียชีวิตหลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาล 8 วัน ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากรุ่นพี่รุมทำร้ายร่างกาย และเกรงจะ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าว

โดยนางมนัสนันท์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา มีเพื่อนของลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่าน้องปลื้มตกจากเก้าอี้ แล้วเกิดอาการชักเกร็งขณะคุยกับเพื่อนที่คณะ เมื่อคืนวันที่ 27 พ.ค. เพื่อนๆ นำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว กรุงเทพฯ

งานศพสลด

 

จึงโทรศัพท์ไปบอกพี่ชายที่ทำงานอยู่กทม. ให้ไปดูน้องที่ โรงพยาบาล ก่อนที่ตนจะเดินทางไป เมื่อถึงโรงพยาบาล พบน้องปลื้มรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู สภาพถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีอาการชักเกร็ง ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารได้ เพราะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ โดยน้องปลื้มรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว 5 วัน ก็ตัดสินใจส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา แต่เมื่อมารักษาตัวต่อได้ 3 วันก็เสียชีวิตในวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 22.00 น.

ซึ่งจากการตรวจสอบของแพทย์ ระบุว่าซี่โครงซี่ที่ 3 หัก หน้าอกช้ำ ปอดติดเชื้อ จึงเชื่อว่าไม่ใช่เกิดจากการตกเก้าอี้ตามที่เพื่อนบอก แต่น่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นลูกชายคนโตจึงไปติดตามจนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าคณะ เห็นชัดเจนว่าก่อนเกิดเหตุลูกชายตนเดินเข้าไปในตึกคณะ แต่เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงก็ออกมาในสภาพถูกหาม

รวมทั้งมีข้อความทางแช็ตกลุ่มไลน์ ระบุว่าน้องปลื้มถูกทำร้าย จึงอยากขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถานศึกษา ให้หาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้จงได้

ทั้งนี้ นางมนัสนันท์ยังระบุต่อว่า น้องปลื้มมุ่งมั่นที่จะเรียนที่อุเทนถวายมาก แม้ครอบครัวจะไม่เห็นด้วย โดยน้องปลื้มแอบไปสอบเมื่อเรียนจบปวช. แม่ก็ไปขอร้องให้เรียนต่อในจ.นครราชสีมา จนกระทั่งจบปวส. พอไปฝึกงานเจอรุ่นพี่ที่จบจากอุเทนถวาย ก็จุดประกายความฝันให้ไปเรียนที่อุเทนฯ ให้ได้ เมื่อเป็นความฝันของลูกก็เลยยอม

“ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะทำให้สูญเสียลูก ลูกบอกเสมอว่ารับได้ ที่อุเทนฯ เขารักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ปลอดภัยแน่นอน ลูกชายยอมรับเงื่อนไขทุกอย่าง และเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกทำร้ายร่างกาย จึงอยากขอความเป็นธรรม ขอทำหน้าที่แม่คนหนึ่งที่เจ็บปวดจากการสูญเสียลูกโดยไม่มีอะไรมาทดแทนได้”

เป็นคำเรียกร้องจากแม่ผู้สูญเสีย

 

■ รับรุมเตะ-ปมงานรับน้อง

ด้าน นายพรชัย อัจฉริยเมธากร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่เดินทางไป ร่วมงานศพนายวีรพัฒน์ ถึงจ.บุรีรัมย์ ระบุว่า ภายหลังทราบเรื่องที่ เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีสั่งตั้งกรรมการสืบหา ข้อเท็จจริงจนทราบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จนได้ข้อเท็จจริงว่าอาการบาดเจ็บดังกล่าวเกิดจากการลงมือของรุ่นพี่ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องเป็นรุ่นพี่ 12 คน สอบสวนแล้วทุกคนยอมรับสารภาพว่าได้ทำร้ายน้องปลื้มจริง ส่วนใครจะทำร้ายลักษณะไหนข้อมูลก็อยู่ในสำนวนของตำรวจแล้ว ในส่วนของทางมหาวิทยาลัย จะดำเนินการตามระเบียบ โดยขณะนี้ได้มีการเสนอชื่อนักศึกษาทั้งหมดให้อธิการบดีลงนามลงโทษขั้นสูงสุดคือไล่ออก

ส่วนการเยียวยาช่วยเหลือทางมหาวิทยาลัยก็พร้อมให้ความ ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกชาย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทางมหา’ลัย ก็จะร่วมกันหามาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

รุ่นพี่ขอขมา

ด้านน.ส.กิตติยารัตน์ หาญชัย อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ แฟนสาวของน้องปลื้ม เล่าว่า เบื้องต้นจากการสอบถามน้องปลื้มก่อน เสียชีวิต บอกว่าถูกรุ่นพี่รุ่นที่ 88 เวียนเตะคนละครั้ง เพื่อเป็นการลงโทษ ที่ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ เพราะเป็นหัวหน้าห้อง ยืนยันว่าน้องปลื้มเป็นคนแข็งแรง คงจะไม่เสียชีวิตเพราะจากสาเหตุอื่นนอกจากการถูกทำร้าย

ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปี 2 ขึ้น ปี 3 ทั้งหมด 12 ราย ถูกให้พักการเรียนทั้งหมด 11 ราย และมี 1 ราย ที่ถูกไล่ออก

ทั้งนี้จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีการประชุมเพื่อเตรียมงานรับน้อง โดยน้องปลื้มเข้าร่วมด้วยในฐานะหัวหน้าห้องของชั้นปีที่ 1 ที่กำลังขึ้นชั้นปีที่ 2 โดยระหว่างประชุมกันอยู่ รุ่นพี่มีคำถาม แต่น้องปลื้มตอบไม่ได้ จึงถูกลงโทษด้วยการเวียนกันเตะ จนกระทั่งล้มฟุบ และเพื่อนพาไปส่งโรงพยาบาล

เป็นการกระทำของ ‘รุ่นพี่’ ต่อ ‘รุ่นน้อง’

 

■ รุ่นพี่ขอขมา-ตร.ดำเนินคดี

หลังจากเรื่องราวกระจ่าง เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. ในการสวดพระอภิธรรมน้องปลื้ม รุ่นพี่ 12 คน ที่รุมเตะน้องปลื้ม เดินทาง มาขอขมาศพน้องปลื้ม ต่อหน้านางมนัสนันท์ แม่น้องปลื้ม ท่ามกลางญาติและเพื่อนน้องปลื้ม รวมถึงชาวบ้านได้มาคอยดูกันเป็นจำนวนมาก

โดยกลุ่มรุ่นพี่ทั้ง 12 คน ไหว้ขอโทษแม่น้องปลื้ม ระบุว่า ที่ทำไปเพราะไม่ได้ตั้งใจให้ถึงชีวิต ขณะแม่น้องปลื้มได้ถามกลับถึงการ กระทำดังกล่าว ว่ารุนแรงไปหรือไม่ “ถ้าเป็นเขาเป็นเราโดนแบบนี้ พ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน” หลังจากนี้คงจะต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไป โดยกลุ่มรุ่นพี่ 12 คน ใช้เวลาอยู่ในงานประมาณ 15 นาที ก่อนจะขอเดินทางกลับ

สถาบันร่วมอาลัย

 

ต่อมาในงานฌาปณกิจในวันที่ 10 มิ.ย. มีเพื่อนร่วมสถาบัน และรุ่นพี่จากอุเทนถวายมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยญาติน้องปลื้ม ระบุว่า เรื่องคดีปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเชื่อว่าคงจะได้รับความยุติธรรม

ขณะที่พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า มีนักศึกษาเข้าร่วมทั้งชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 2 ทั้งหมด 47 คน เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ทั้งหมด 12 คน นักศึกษาชั้นปี 1 ทั้งหมด 35 คน ทางมหาวิทยาลัยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นการจัดกิจกรรมดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยไม่ทราบว่ามีการจัดกิจกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด แต่การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดกับคำสั่งของกรุงเทพมหานคร เรื่องเกี่ยวกับการควบคุมโรค และขัดคำสั่งมหาวิทยาลัยไม่มีการให้ทำกิจกรรม

ส่วนผลการพิจารณาของทางมหาวิทยาลัยทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 12 ราย มีมติไล่ออกนักศึกษา 1 ราย อีก 11 ราย มีคำสั่งให้พักการเรียน 2 ภาคการศึกษา

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน สอบปากคำไปทั้งหมด 14 ราย มีทั้งอาจารย์ เจ้าหน้าที่รปภ. นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม เบื้องต้นมีการดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รุ่นพี่ปี 2 ขึ้นปี 3 ทั้งหมด 12 คน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมดังกล่าว

ส่วนกรณีของผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่างการชันสูตรพลิกศพ พร้อม กับความเห็นของทางแพทย์ว่าสาเหตุการตายเกิดจากสาเหตุใด ถ้ามีพยานหลักฐานพบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อเหตุก็จะดำเนินคดีแจ้ง ข้อกล่าวหา

แม้เรื่องคดีจะดำเนินไปแล้ว สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องมาทบทวน ก็คือจะทำอย่างไรให้ค่านิยมเกี่ยวกับการรับน้อง หรือประเพณีอำนาจนิยมเหล่านี้หมดสิ้นไปจากสังคมเสียที

เพื่อไม่ให้เกิดเหตุสลดซ้ำซากเช่นนี้อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน