สดจากสนามข่าว

สมพงษ์ สีไพร เรื่อง/ภาพ

คนที่รู้จัก นายวัชร กามล อายุ 28 ปี แทบทุกคนต่างงุนงง ด้วยไม่เชื่อว่านายวัชรที่เป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีเรื่องราวกับใคร หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซ้ำการศึกษาก็สูง จบปริญญาตรี คณะวิศวกรรมโยธา จะกลายเป็นคนร้ายที่ฆ่าโหดครูวัยเกษียณ แต่เมื่อตำรวจมีหลักฐานแน่นหนา ก็ได้แต่ทำใจว่าคงเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 พ.ย. ร.ต.อ.อำนาจ นิติลีลานนท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ รับแจ้งมีเหตุฆาตกรรมหญิงชราภายในอาคารพาณิชย์ เลขที่ 275/9 หมู่ 4 หน้าวัดพระพุทธบาทชนแดน (พระองค์ใหญ่) เทศบาลตำบลชนแดน ห่างจากโรงพักประมาณ 300 เมตร

หลังรับแจ้งจึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.อารักษ์ อ่อนแย้ม รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ พ.ต.อ.ภูวภัทร สายเพ็ชร ผกก.สวส.กลุ่มงานสอบสวน รทท.ผกก.สภ.ชนแดน พ.ต.ท.บุญถึง เหมือนแสง รอง ผกก.สวส.สภ.ชนแดน พ.ต.ท.จำลอง มีแสง รอง ผกก.(ป) ชนแดน สายตรวจและสายสืบ เจ้าหน้าที่กองวิทยาการ

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ที่ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำ เจ้าหน้าที่พบศพนางลัดดา สิงห์เวียง อายุ 78 ปี ข้าราชการครูบำนาญ สวมเสื้อลายดอกแขนสามส่วน กางเกงม่อห้อมสีน้ำเงิน สวมรองเท้าแตะสีดำ นอนเสียชีวิต ฟุบอยู่บนเก้าอี้ ใกล้โต๊ะบัญชี ที่บริเวณคอด้านขวาถูกของมีคมเชือดเป็นแนวยาว ลึกถึงเส้นเลือดใหญ่ขาด มีรอยเลือดหยดเป็นแนวยาว นอกจากนี้พบมีดปลายแหลม ด้ามสีส้ม ยาวประมาณ 14 นิ้ว เปื้อนเลือดอยู่ในลิ้นชักโต๊ะ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวน นางนิศา สิงห์เวียง อายุ 54 ปี จนท.เทศบาลตำบลท่าข้าม บุตรสาวผู้ตาย ซึ่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ ทราบว่ามารดาเป็นข้าราชการครูบำนาญ ส่วนบิดา นายเกตุ สิงห์เวียง อายุ 79 ปี เป็นอดีตหัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ เป็นข้าราชการบำนาญเช่นกัน

ตอนเกิดเหตุมารดาอยู่บ้านคนเดียวเนื่องจากบิดาไปฟอกไตที่ร.พ.เพชรบูรณ์ ส่วน นางกาญจนา สิงห์เวียง อายุ 57 ปี พี่สาวก็เป็นข้าราชการครูไปสอนหนังสือ ขณะที่ นายสกล สิงห์เวียง น้องชายอีกคน เป็น จนท.สัตวแพทย์ ก็ไปทำงาน

ทราบจากชาวบ้านที่มาพบศพเห็นคนแรก ว่ามาซื้อน้ำดื่มเห็นนั่งฟุบอยู่ก็คิดว่าหลับ จึงตะโกนเรียกอยู่หน้าร้านแต่ผู้ตายก็ไม่ตื่น ก่อนมาเอะใจเมื่อเห็นรอยเลือดจึงวิ่งไปบอก เจ้าของร้านอาหารป่าซึ่งเป็นหลานและอยู่บ้านข้างกันมาตรวจสอบจึงพบว่า เสียชีวิตแล้ว

ขณะที่ชุดสืบสวนรีบเช็กภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งติดอยู่หน้าอาคารข้างเคียงพบว่า คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น ขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดง-ดำ สวมหมวกกันน็อก สวมเสื้อลายสกอต กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ

โดยคนร้ายขี่รถมาเพียงคนเดียว มาจอดหน้าร้านแล้วเดินเข้าไปก่อเหตุ ใช้เวลาเพียง 2-3 นาทีก็รีบวิ่งออกมาขึ้นรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนี มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตก

ตํารวจคาดว่าคนร้ายอาจจะทำทีขอซื้อน้ำดื่ม แล้วข่มขู่ให้ผู้ตายบอกที่ซ่อนทรัพย์สิน แต่ผู้ตายขัดขืน คนร้ายจึงใช้มีดปลายแหลมเชือดคอผู้ตายแล้วรีบเผ่นหนี คาดว่าอาจจะเป็นคนในพื้นที่ ที่ติดยาเสพติดและรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี

ตำรวจไล่ตรวจสอบภาพวงจรปิดตามเส้นทาง จนได้ภาพรถจักรยานยนต์และป้ายทะเบียนชัดเจน จึงสืบสวนต่อจนรู้ว่าคนร้ายคือนายวัชร กามล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 1 ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์

หลังก่อเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง เย็นวันนั้นเองชุดสืบสวนก็ติดตามไปจับกุมตัวนายวัชรได้ พร้อมรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 125 สีแดง-ดำ คันที่ใช้ขับไปก่อเหตุ ที่บ้านเลขที่ 97/1 หมู่ 5 ต.พุทธบาท อ.ชนแดน ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา

ภายหลังถูกจับกุมนายวัชรรับสารภาพแต่โดยดี ก่อนให้การว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากตนเองตกงาน ยังหางานทำไม่ได้ และกดดัน เรื่องทะเลาะกับภรรยา ที่ต้องการเงินหมื่น ตนอยากหาเงินให้ภรรยาก็เลยตัดสินใจลงมือก่อเหตุ

นายวัชรเล่ารายละเอียดการก่อเหตุว่า วันเวลาดังกล่าวเข้าไปซื้อบุหรี่ โดยให้แบงก์ 100 บาทผู้ตายไป ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะก่อเหตุ แต่เหลือบไปเห็นกระเป๋าสตางค์ของผู้ตาย ด้วยความอยากได้เงินเอาไปไถ่ทองใช้หนี้ให้ภรรยา เลยคว้ามีดของผู้ตายที่วางอยู่บนโต๊ะ เชือดคอแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปที่ขนส่งชนแดน เอาบัตร กระเป๋าสตางค์ทิ้ง ค้นเจอมีเงินสด 900 บาท จึงเอาไปให้ภรรยา ที่ร้านเสริมสวยในตลาดเทศบาลตำบลชนแดน จากนั้น ก็กลับบ้านจนมาถูกตำรวจตามไปจับกุมตัวได้

ด้าน นายมณี คำเพชร ผญบ.หมู่ 3 บ้านลาดแคใต้ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าหลานชายจะเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ เพราะเป็นคนนิสัยดี ไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรียนดี จบการศึกษาปริญญาตรี คณะวิศวกรรมโยธา กำลังจะหางานทำ ออกมาช่วยผู้ปกครองทำงาน ไม่น่าจะเดินทางผิดเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ก็ต้องให้รับกรรมที่ทำไว้

ต่อมาวันที่ 24 พ.ย. ตำรวจนำตัวนายวัชรไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังอาคารพาณิชย์ที่เกิดเหตุ ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่นับร้อยนาย ที่มาคอยดูแลความปลอดภัย ด้วยเกรงว่าชาวบ้านที่ทราบข่าวและแห่มาดูหน้าฆาตกรซึ่งพากันตะโกนด่าด้วยความแค้น อาจโกรธจัดจนเข้ารุมประชาทัณฑ์

เพราะความโลภเพียงชั่ววูบ ทำให้ต้องสูญเสียทั้งชีวิตและอิสรภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน