คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
คำสารภาพทรพีฆ่าพ่อ – ‘พ่อชอบต่อว่าและพูดขัดขวางไม่ให้ทำในสิ่งที่อยากทำหลายครั้ง อยากเป็น ส.ส. พ่อก็ตอบกลับมาว่าให้รอวันตาย เหมือนกับพ่อไม่สนับสนุนส่งเสริม ไม่อยากให้ได้ดีกว่า ทั้งที่ความจริงแล้วพ่อต้องสนับสนุนส่งเสริมลูกตัวเอง จึงคิดว่าหากฆ่าพ่อแล้วคงไม่มีใครมาขัดขวาง’
คำสารภาพของนายวิเชียร หรือตูบ ชาลีผาม อายุ 41 ปี เมื่อถูกตำรวจบุรีรัมย์ตามไปล็อกตัวได้ที่กรุงเทพฯ 3 วัน หลังใช้มีดพร้ากระหน่ำฟันนายเป ชาลีผาม อายุ 72 ปี พ่อแท้ๆ แล้วฝังดินอำพรางศพ
นายวิเชียร หรือตูบ ชาลีผาม ผู้ก่อเหตุ
เหตุปิตุฆาตครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.สมเกียรติ ลิไธสง รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตถูกฆ่าฝังดินอำพรางศพ หลังบ้านพักในพื้นที่บ้านโศกนาก ต.แดงใหญ่ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์
ผู้กองสมเกียรติรีบรายงานเหตุร้ายแจ้ง ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.สุเอก ฉินธนทรัพย์ ผกก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์ ร.พ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม
ที่เกิดเหตุอยู่ใต้ต้นมะม่วงหลังห้องน้ำบ้านที่เกิดเหตุ พบศพนายเปถูกฆ่าฝังอยู่ในหลุมที่เพิ่งขุดใหม่ มีกิ่งมะพร้าวสุมทับไว้พรางตา คาดเสียชีวิตมาประมาณ 3 วัน เนื่องจากศพเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
แพทย์ตรวจชันสูตรพบแผลถูกของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ถึง 5 แผล
พยานที่เป็นเพื่อนบ้านระบุว่า ผิดสังเกตเนื่องจากปกติผู้ตายจะออกมาเดินเล่นทุกเช้า แต่ไม่เห็นผู้ตายเดินมาได้ประมาณ 3 วันจึงเอะใจ ประกอบกับเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ตอนเช้ามืด เห็นนายวิเชียรลูกชายผู้ตายมีอาการผิดปกติ ถือค้อนเดินไปมา แล้วหอบเสื้อผ้าหลบหนีออกจากบ้านไป จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านเพื่อตามหาตัวนายเป เพราะเกรงจะได้รับอันตราย
เนื่องจากลูกชายของนายเปเคยติดยาและเคยทำร้ายพ่อมาก่อนหลายครั้ง เมื่อชาวบ้านพบดินขุดใหม่แล้วฝังกลบ เมื่อใช้จอบคุ้ยได้ส่งกลิ่นเหม็นขึ้นมา จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบดังกล่าว
ด้านนางฉวีวรรณ พิมพ์พวง อายุ 62 ปี น้องสาวผู้ตายให้เบาะแสว่า ก่อนหน้านี้ทราบมาว่าพี่ชายนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของตัวเองและของลูกชายไปจำนำกับร้านค้าแห่งหนึ่ง ใน อ.พุทไธสง เป็นจำนวนเงิน 2,500 บาท
ต่อมานายวิเชียรไปทวงเอาเงินส่วนของตนเอง 1,250 บาท แต่ถูกพ่อปฏิเสธ คาดว่าจะเป็นชนวนเหตุที่หลานไปก่อเหตุฆ่าพ่อตัวเองแล้วเอาศพไปฝังดินหลังบ้านดังกล่าว แล้วหลบหนีไป เจ้าหน้าที่เร่งตามหาเบาะแสคนร้ายทันที
วันเดียวกัน นายปรารภ ลิไธสง พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบร้านค้าแห่งหนึ่งใน อ.พุทไธสง ที่ถูกระบุว่าเป็นแหล่งรับจำนำบัตรคนจนทันที เพราะเข้าข่ายการกระทำผิดกับ 3 ฝ่าย คือผิดระเบียบของกระทรวงการคลัง ผิดระเบียบของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุชัดเจนว่า ห้ามยึดบัตรของประชาชนซึ่งจะถูกเพิกถอนสิทธิ์ และตำรวจจะต้องมีการแจ้งข้อหาร้านค้าฐานฉ้อโกง
อาวุธปิตุฆาต
เพียงแค่วันเดียวหลังพบศพนายเป เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ก็ยกขบวนลงมากรุงเทพฯ ทันที เนื่องจากได้เบาะแสจากชาวบ้านรายหนึ่งที่นายวิเชียรขอให้ขับรถไปส่งที่ท่ารถทัวร์ คาดว่าจะหลบหนีไป จ.ปทุมธานี ที่เคยไปทำงานโรงงานเฟอร์นิเจอร์อยู่ที่นั่น
เมื่อประสานตำรวจ บช.น. และ บก.ภ.จว.ปทุมธานี ก็พบเบาะแสใหม่ ก่อนยกกำลังไปดักจับตัวได้ขณะนายวิเชียรกำลังเดินไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง กรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา และนำตัวกลับบุรีรัมย์ในทันใด
หลังจนมุมตำรวจ นายวิเชียรก็รับสารภาพหมดเปลือก อ้างเก็บกดมานานถูกพ่อดุด่าเป็นประจำ รวมถึงชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องภายในครอบครัวกลับมานินทาตัวเอง
หลังก่อเหตุก็ขโมยบัตรคนจนของพ่อนำไปวางจำนำกับร้านค้าพร้อมกับของตัวเองเป็น 2 ใบ ในราคา 2,500 บาท
โดยเอาบัตรไว้กับร้านค้าเป็นเวลา 7 เดือน ให้ร้านค้ารูดเดือนละ 500 ร้านค้าเอารูดสินค้าของตัวเอง มูลค่า 3,500 บาท
พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ตรวจร้านค้าที่ถูกซัดทอด
ด้าน พ.ต.อ.สุเอก กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาถึงเหตุจูงใจ เป็นเรื่องที่มีความบาดหมางระหว่างพ่อลูก ไม่ได้เกี่ยวกับการนำบัตรคนจนไปจำนำแล้วไม่แบ่งเงินให้ตามที่มีผู้ให้ข้อมูล
เบื้องต้นคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนส่งตัวฝากขังข้อหา ฆ่าบุพการี, ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย
ส่วนร้านค้าที่รับจำนำบัตรคนจนก็ไม่รอด เพราะทำผิดกฎหมายชัดเจน
สุรชัย พิรักษา, เรืองรุจ วังแจ่ม
เรื่อง/ภาพ
