สุรัตน์ สรรพคุณ

ชลัช วิรุฬหเดช

เรื่อง/ภาพ

“ผมจะทำให้มันจนกว่าขอทานให้ได้” เป็นเสมือนคำสัญญาที่ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส.ให้ไว้กับประชาชน ผลงานการจับกุมผู้ต้องหารายใหญ่ที่ผ่านมานับเป็นเครื่องการันตีถึงการทำงานอย่างทุ่มเท จริงจัง

หลายปีที่ผ่านมาการสืบสวนของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.พบว่า เครือข่ายยาเสพติดที่นำยาเสพติดมาขายในไทย แล้วต้องการนำเงินกลับออกจากประเทศไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะใช้วิธีการโอนเงินผ่านกลุ่มต่างๆ ที่รับทำหน้าที่ฟอกเงิน โดยแปลงเงินที่ขบวนการค้ายาเสพติดโอนเข้ามาเป็นค่าใช้จ่าย ค้าสินค้า บริการหรือทองคำ ตามแต่ธุรกิจที่เปิดบังหน้า ก่อนจะโอนออกไปให้ต้นทางขบวนการค้ายาที่อยู่นอกประเทศ

พล.ต.ท.สมหมายให้นิยามของกลุ่มขบวนการรับฟอกเงินพวกนี้ว่าเป็นต้นไม้พิษ ซึ่งกลุ่มพวกนี้จะไม่แตะต้องหรือขายยาเสพติด แต่จะรับฟอกเงินให้ ซึ่งการกำจัดขบวนการยาเสพติดให้สิ้นซากจึงจำเป็นต้องตัดโค่นต้นไม้พิษเหล่านี้ด้วย

ชื่อของกลุ่ม “เทียน เอ” โดดเด่นขึ้นมาในฐานะกลุ่มที่รับจ้างฟอกเงินรายใหญ่ หลังการบุกเข้าจับกุม เอก อ้วน หรือ นายจรัญ คำสด หรือ นายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. พบว่าใช้บริการกลุ่ม “เทียน เอ” เปิดบัญชีรับโอนเงินผ่านกระบวนการฟอกแล้วโอนกลับไปยังรัฐฉาน เป็นค่ายาเสพติด

จากข้อมูลการสืบสวนนานกว่า 5 ปี พบว่ากลุ่มนี้มีชาว เมียนมาทำหน้าที่เปิดบัญชีรับโอนเงินจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นางมินท์ เตง เอ, ติน เมียน โม, โม เทียน เอ และ นาน ซี เปียง

โดยทั้งหมดรับโอนเงินจาก เอก อ้วน, นางฟอง ปทุมมณี หรือเจ๊ฟอง ผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่มีค่าหัว 3 แสนบาท ซึ่งหนีกบดานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งแก๊งค้ายาเสพติดอื่นๆ ทั้ง 4 คนแบ่งกันทำหน้าที่ควบคุมการเงินให้กับขบวนการค้ายาเสพติด และฟอกเงินผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบข้อมูลสำคัญ มีคนไทยอีกหลายคนรับหน้าที่ทำธุรกรรมทางการเงินให้กับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้

โดยมีการทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งร้านโทรศัพท์ ร้านเหล้า บุหรี่ หนีภาษี ร้านจิวเวลรี่ ฯลฯ ทั้งในฝั่งท่าขี้เหล็กประเทศ เมียนมา และในฝั่งประเทศไทยเพื่อบังหน้า แม้แต่ธุรกิจค้าน้ำมันก็มี

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 พ.ย. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รรท.รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. หน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี เปิดปฏิบัติการ “ไชยะสยบไพรี 61/1 ยุทธการทำลายต้นไม้พิษ เสือสิ้นลาย” เพื่อติดตามจับกุมนางมินท์ เตง เอ อายุ 41 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 167/2560 ลงวันที่ 15 พ.ค. 2560 ข้อหา “ให้การสนับสนุน หรือ ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด โดยเปิดบัญชีรับเงินจากผู้กระทำผิดเพื่อประโยชน์หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิด”

ภายหลังสืบทราบว่านางมินท์ เตง เอ หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม “เทียน เอ” เดินทางเข้ามาทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศ ไทย จึงส่งสายสืบเฝ้าติดตามประกบตัวไว้ ชนิดไม่ให้คลาดสายตา

ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. นำกำลังตามสกัดรถยนต์ตู้ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน 36-0231 กรุงเทพมหานคร บริเวณถนนกำแพง เพชร 6 ขาออก ห่างจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร (ป.ป.ส.กทม.) มาประมาณ 300 เมตร จากการตรวจสอบพบนางมินท์ เตง เอ และสามีอยู่ภาย ในรถ

เหตุการณ์จับกุมสร้างความตื่นตกใจ ให้ประชาชนที่ใช้รถบนท้องถนน ด้วยต่างไม่คาดว่าจะได้เห็นฉากการจับกุม ที่ราวกับหนังแอ๊กชั่นกลางกรุงเช่นนี้

นางมินท์ เตง เอ ให้การกับตำรวจภายหลังถูกนำตัวมาสอบสวนปากคำ ที่ห้องประชุมภักดีภูมิ ชั้น 2 บช.ปส. ถนนวิภาวดีรังสิต โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมสอบสวนปากคำด้วยตัวเอง

เจ้าตัวปฏิเสธว่าเดินทางมาประเทศ ไทยเพื่อรักษาอาการป่วย ยืนยันว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน และไม่ทราบว่าถูกจับเรื่องอะไร ก่อนหน้านี้ตนทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ซึ่งจะมีเงินหมุนเวียนบัญชี ต่อวันเพียง 1-2 ล้านบาท เท่านั้น

พล.ต.ท.สมหมายเผยเบื้องหลังการจับกุมว่า จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติดทุกรายใหญ่ ในประเทศไทย ก่อนโอนไปยังโรงงานผลิตยาในประเทศ เมียนมา

โดยพบมีพฤติการณ์รับโอนเงินให้กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดมากว่า 10 ปี มีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารต่อปีมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะนำเงินดังกล่าวไปฟอกด้วยการเปิดร้านจิวเวลรี่ อัญมณี ร้านทอง และโรงแรม ทั้งในฝั่งไทยและเมียนมาบังหน้า นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก 3 ราย ซึ่งถูกออกหมายจับแล้ว และจะเร่งติดตามตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ ภายหลังจับกุมตัวนางมินท์ เตง เอ ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าตรวจค้น พื้นที่ เป้าหมายจำนวน 6 จุด ใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกด้วย

ต้องชื่นชมพล.ต.ท.สมหมาย และ ตร.ปส.ทุกนาย ที่ทุ่มเททำงานอย่างจริงจังต่อเนื่อง จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน