อดิษัยต์ พรวนพิมพ์

เรื่อง/ภาพ

หนุ่ม ‘เมฆินทร์ อายุวัฒนมงคล’ หรือ ‘ดิษ’ อดีตนักกีฬาเพาะกาย กลายเป็นคนดังขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคืน หลังเพจ Thailand Police Story ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่เจ้าตัวแสดงอาการไม่พอใจที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณป้อมจราจรแยกศาลาแดงจับกุมพร้อมหญิงสาว ในข้อหาไม่ใส่หมวกกันน็อกและเมาแล้วขับ

ภาพในคลิปแสดงให้เห็นพฤติกรรมและคำพูดที่ไม่เหมาะสมของเจ้าตัว ทั้งเบิ้ลเครื่องรถบิ๊กไบก์เสียงดังสนั่น ตะโกนด่าและชูนิ้วกลางใส่ตำรวจในป้อม จากนั้นได้มีการโทรศัพท์บอกว่าถูกจับเพราะไม่ใส่หมวกและดื่มเหล้า พร้อมยื่นโทรศัพท์ให้ตำรวจบอกว่า “คุยกับพี่ชายกูก่อน”

แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้ปฏิเสธ เพจดังกล่าวระบุว่า จากการเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ พบว่า เจ้าตัวมีปริมาณแอลกอฮอล์ ถึง 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินที่กฎหมายได้กำหนดไปเยอะนัก

วันที่ 30 พ.ย. ที่สน.ทุ่งมหาเมฆ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รรท.รองผบ.ตร. และโฆษกตร. พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ และนพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิ ‘เมาไม่ขับ’ เดินทางมาให้กำลังใจ ด.ต.ปวิช บุญมาสูงทรง ผบ.หมู่จร.สน.ทุ่งมหาเมฆ ที่ประสบเหตุการณ์ข้างต้น

นายเมฆินทร์ถูกตำรวจแจ้งข้อหารวม 7 ข้อหา ทั้ง ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขับรถในขณะเมาสุรา ไม่สวมหมวกนิรภัย ไม่จัดให้ผู้ซ้อนท้ายสวมหมวกนิรภัย เปลี่ยนแปลงปิดบังป้ายทะเบียน ทำให้เกิดเสียงดังโดยไม่มีเหตุอันควร และบุกรุกเข้าไปในห้องควบคุมสัญญาณไฟจราจร เป็นพื้นที่ห้าม ซึ่งไม่ใช่สถานที่บริการประชาชน

พล.ต.อ.วิระชัยเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์นี้จึงเดินทางมาให้กำลังใจด.ต.ปวิช ที่ปฏิบัติงานด้วยความใจเย็น สุภาพและอดทนต่อคำพูดเหยียดหยาม ไม่ใช้ความรุนแรง นอกจากนี้ภายในคลิปยังใช้วิทยุเรียกสายตรวจเข้ามาระงับเหตุ จึงไม่มีเหตุบานปลาย ตามหลักยุทธวิธีอย่างถูกต้อง

คดีนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก รวมทั้ง การบุกรุกเข้าไปในป้อมจราจร เพราะเป็นพื้นที่หวงห้าม เนื่องจากอาจเกิดอันตรายและส่งผลกระทบต่อสัญญาณไฟจราจร อาจให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ขับขี่รถบนถนนได้

นอกจากนี้หากบุกรุกเข้ามาในป้อมจราจร โดยมีอาวุธ ตำรวจสามารถใช้อาวุธปืนประจำกายป้องกันตัวตามเหตุ อันสมควรได้ ส่วนช่วงท้ายคลิป นายเมฆินทร์โทรศัพท์ไปหาตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นบุคคลที่นายเมฆินทร์เคารพนับถือเป็นพี่ชาย รวมทั้งชายดังกล่าวยังช่วยพูดคุยให้นายเมฆินทร์ยอมเป่าวัดแอลกอฮอล์

ด้านนายเมฆินทร์ให้การว่า ทำงานอยู่ย่านสีลม หลังเลิกงานจึงดื่มสุราและเบียร์ แล้วไปต่อที่บ้านคนรู้จัก จนถึงเวลาประมาณ 6 โมงเช้า ขี่บิ๊กไบก์ออกมากระทั่งเกิดเหตุ ยอมรับว่าเมามากจนขาดสติ และมีอารมณ์โมโหที่ถูกเรียกใบขับขี่ จึงพูดจาและใช้ท่าทางไม่เหมาะสมออกไป

“ผมขอยอมรับทั้ง 7 ข้อหา และอยากเตือนคนอื่นว่าไม่ควรดื่มสุราจนขาดสติและเมาไม่ขับ” หนุ่มนักกล้ามกล่าว ก่อนยกมือไหว้ขอโทษด.ต.ปวิช จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปส่งฟ้องศาลแขวงปทุมวันทันที

ขณะที่ด.ต.ปวิชเปิดเผยว่า ขณะนั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีรถติดขัด กระทั่งรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวขี่มาจอดหน้าป้อม ซึ่งไม่สวมหมวกนิรภัยทั้งคนขี่และคนซ้อน

จึงออกมานอกป้อมขอใบขับขี่อย่างสุภาพ แต่ผู้ขับขี่ตอบโต้กลับมาด้วยถ้อยคำหยาบคาย จังหวะนั้นเป็นสลับสัญญาณไฟจราจรจึงกลับเข้าในป้อม ซึ่งพบว่าชายดังกล่าวมีอาการเมาสุราและแสดงท่าทียั่วยุ จึงวิทยุเรียกสายตรวจมา คลิปดังกล่าวตนเป็นผู้ถ่ายเอง เพื่อเป็นหลักฐาน

วันเดียวกัน ศาลแขวงปทุมวัน พิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามฟ้อง ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้ว พิพากษาว่านายเมฆินทร์จำเลย มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43(2), 122 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 148 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 160 ตรี, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 370 และ พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา 5(4), 11, 60 ซึ่งการ กระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

จึงให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 6,000 บาท ฐานขับรถขณะเมาสุรา จำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานฯ ปรับ 400 บาท ฐานไม่สวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่ฯ ปรับ 800 บาท ฐานขี่รถจักรยานยนต์ขณะผู้โดยสารไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับ 2,000 บาท ฐานไม่แสดงแผ่นป้ายทะเบียนให้ครบถ้วน และปรับ 800 บาท ฐานทำให้เกิดเสียงดังฯ รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 4 เดือน และปรับรวม 12,000 บาท

โดยจำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงจำคุกจำเลย 2 เดือน และปรับ 6,000 บาท เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แล้วจำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษ 2 ปี โดยให้คุมประพฤติจำเลยด้วย ให้จำเลยเข้ารายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ในเวลา 1 ปี และให้จำเลยทำงานบริการสังคมตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ภายในกำหนด 1 ปี รวมทั้งให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของจำเลยด้วยมีกำหนด 6 เดือน

นับว่ายังโชคดี ศาลท่านปรานีให้รอลงอาญา เลยไม่ต้องไปเบ่งกล้ามโชว์พาวในคุก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน