ย้อนนาทีปาเจโร่หัวร้อนทุบป้าแกร็บเย็บ12เข็มอ้างถูกขับรถปาดหน้า – ความรุนแรงมันมีชีวิต มันกินความรุนแรงเป็นอาหาร เติบโตครอบงำจิตใจผู้ที่ถูกเกาะกิน จนกลายเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดใส่ใครหน้าไหนก็ได้ ไม่เว้นแม้ผู้หญิง ย้อนไปเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 13 ส.ค. 2564 ขณะที่ นางสุรางค์ สินแก้ว อายุ 49 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง (แกร็บ) กำลังจอดรถโตโยต้ารุ่นคัมรี่สีดำ เพื่อส่งลูกค้าริมถนนลาดกระบัง ก็มีมิตซูบิชิปาเจโร่ สปอร์ต สีดำ ทะเบียน 8 กส 3242 กทม. ขับมาเฉี่ยวรถทางด้านขวาก่อนที่จะถอยหลังมาชนซ้ำ โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ไม่เพียงเท่านั้นชายที่ขับรถยังลงมาทำร้ายร่างกายนางสุรางค์ โดยใช้อาวุธปืนตบที่ศีรษะ 4-5 ครั้งจนแตกเลือดอาบ เจ้าตัวพยายามดิ้นรนดึงเสื้อชายคนดังกล่าวจนขาด ขณะที่มีพลเมืองดี 2-3 คนเข้ามาห้าม ชายคนดังกล่าวจึงขึ้นรถขับหลบหนีไปทางด้านประเวศ ขณะเกิดเหตุมีพลเมืองดีสามารถถ่ายคลิปเอาไว้ได้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังเกิดเหตุ ร.ต.ท.หญิงอรุณรัตน์ ธำรงศรีสุข พนักงานสอบสวนเวรคดีอาญา-จราจร รับแจ้งพร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ขณะที่นางสุรางค์ถูกพาส่งโรงพยาบาล สิรินธร โดยแพทย์ต้องเย็บแผลถึง 12 เข็ม พลันที่คลิปภาพเหตุการณ์เผยแพร่ออกไป ก็ทำเอาตร.นครบาลนั่งไม่ติด พล.ต.ต. อรรถวิทย์ สายสืบ ผบก.น.3 พ.ต.อ.นพรัตน์ สินมา รองผบก.น.3 สั่งการให้เร่งสืบสวนหาตัวหนุ่มปาเจโร่หัวร้อนมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด มีทั้งคลิปหลักฐานที่เห็นป้ายทะเบียนชัดเจน การติดตามจับกุมก็ไม่ใช่เรื่องยาก วันที่ 15 ส.ค. ชุดสืบสวนลาดกระบังบุกไปจับกุมตัวนายเสฏฐวุฒิ อายุ 36 ปี ที่บ้านใน ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง ยื่นคำร้องต่อศาลอาญามีนบุรีให้ออกหมายจับนายเสฏฐวุฒิ ผาดีอุ่น อายุ 36 ปี ก่อนศาลได้อนุมัติตามหมายจับที่ จ.642/2564 ลง 15 ส.ค.64 ในข้อหา มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายโดยมีและใช้อาวุธ, ทำให้เสียทรัพย์ นายเสฏฐวุฒิสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุตามที่ถูกกล่าวหาจริง แต่อ้างว่าอาวุธปืนที่ใช้เป็นเพียงปืนอัดลม หรือบีบีกัน พร้อมระบุว่ามีอาชีพขายอุปกรณ์ไฟฟ้า วันเกิดเหตุกำลังจะไปทวงเงินกับลูกค้าจำนวน 30,000 บาท จังหวะที่รอกลับรถอยู่นั้น ปรากฏว่ารถคู่กรณีปาดมาจะกลับรถด้านหน้าทำให้มองไม่เห็นรถอีกทางที่แล่นสวนมา จึงเกิดความไม่พอใจ เมื่อกลับรถแล้วเห็นคู่กรณีจอดรถส่งผู้โดยสารริมถนนจึงขับรถเฉี่ยว ก่อนที่จะถอยหลังมาชนซ้ำ และลงจากรถมาเพราะตอนแรกคิดว่าเป็นผู้ชาย หนุ่มปาเจโร่หัวร้อนสารภาพอีกว่า ขณะที่ลงจากรถพบว่าคู่กรณีเป็นผู้หญิงก็จะไม่ทำแล้ว แต่คู่กรณีก็ไม่ยอม พยายามกระชากเสื้อ ก็บอกกับคู่กรณีว่าพอแล้ว พอแล้ว ปล่อยไปเถอะพี่ แต่คู่กรณียังไม่ยอมปล่อย จึงบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนบีบีกันตีไปที่ศีรษะ 2-3 ครั้ง ไม่ได้คิดว่าจะเอามาทำร้ายคู่กรณีเลย รู้สึกผิดและยินดีชดใช้ ค่าเสียหายทั้งหมด โดยยอมรับว่าเกิดความเครียดจากเรื่องธุรกิจด้วย ขณะเดียวกันนางสุรางค์เดินทางเข้าพบตำรวจเพื่อให้การอีกครั้ง ก่อนเล่านาทีเกิดเหตุว่า ไม่แน่ใจว่าตนเองผิดหรือไม่ เนื่องจากกลับรถมาตามปกติ และกำลังชะลอรถเพื่อเทียบส่งผู้โดยสารยังจุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้นเองรถปาเจโร่เบียดเข้ามาเฉี่ยวบริเวณทางด้านฝั่งคนขับเป็นรอย และกระจกรถแตก จนกระทั่งขับเลยไปเทียบหน้ารถและถอยหลังมาชนซ้ำ ต่อมาผู้ก่อเหตุเดินลงมาจากรถ และใช้มือตบๆ กระจกฝั่งคนขับ จึงลงไปถามว่า มาชนรถทำไม โดยทางด้านผู้ก่อเหตุถือปืนลงมา พร้อมนำปืนชี้มาที่ตน เมื่อเข้ามาประชิดตัว ผู้ก่อเหตุพูดว่า “มึงจะเอาไง มึงจะเอาไง” และใช้ด้ามปืนตีเข้าที่ตนเองไม่ยั้ง ส่วนเรื่องของมูลค่าความเสียหายนั้นจะให้ทางประกันรถยนต์ดำเนินการตรวจสอบและประเมินอีกครั้งนึง ส่วนทางด้านสภาพจิตใจและกายนั้นรู้สึกตกใจช็อกกับเหตุการณ์เป็นอย่างมาก และเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล ต้องเย็บแผลทั้งหมด 12 เข็ม ตอนนี้อาการยังคงปวดหัว ระบมอยู่ ทานยาตามแพทย์สั่ง จะโทษสภาพเศรษฐกิจหรือสถานการณ์โรคระบาด ที่ทำให้เครียดจนมีอะไรสะกิดนิดสะกิดหน่อยก็พร้อมระเบิดความรุนแรงเข้าใส่ก็โทษกันไป แต่ร้อยทั้งร้อยไม่เคยหันมามองตัวเองว่าเป็นเพราะนิสัยความหัวร้อนของตนเองด้วยหรือเปล่า

สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย พิรยุทธ์ นิ่มนนท์-เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน