ย้อนคดีสยองปทุมธานี
หนุ่มอินเดียฆ่า-หั่นศพ
แค้นถูกคนตายแจ้งจับ
: สดจากสนามข่าว
หนุ่มอินเดียฆ่า-หั่นศพ แค้นถูกคนตายแจ้งจับ : สดจากสนามข่าว – บ่ายโมงครึ่งวันที่ 1 ก.ย. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 นำทีมแถลงปิดคดีสยอง! คดีฆ่าหั่นศพ ที่อาจจะเป็นคดีที่จับคนร้ายได้เร็วสุดๆ คดีหนึ่ง
ย้อนไปเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ก.ย. พ.ต.อ.อภิชาติ ทองแพ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี ร.ต.อ.พรเจตต์ พร้อมมา พนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู รุดไปตรวจสอบเหตุพบชิ้นส่วนมนุษย์ ถูกฆ่าหั่นศพเอามาทิ้งไว้ในพงหญ้า ภายในซอยโรงเรียนบรรจบรักษ์ ซอยรังสิต-นครนายก 17 ถนนรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ชี้จุดทิ้งศพ
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในพงหญ้าริมถนนห่างจากถนน 5 เมตร พบถุงกระสอบปุ๋ยถูกแมลงวันตอมส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ เมื่อเปิดออกมาพบศพถูกฆ่าหั่นเป็น 2 ท่อน ส่วนท่อนล่างถูกตัดออกกลางลำตัว เมื่อตรวจสอบออกไป 500 เมตร พบร่างท่อนบนยัดใส่อยู่ในถุงพลาสติก ทิ้งอยู่คูน้ำป่ากกข้างทาง สภาพขึ้นอืด สันนิษฐานว่าเป็นศพชาวต่างชาติ เบื้องต้นแพทย์และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 1 ปทุมธานี ตรวจชันสูตร ก่อนนำส่งร.พ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
หลังผู้ตายเป็นต่างชาติ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี จึงเข้าร่วมทีมสืบสวนพร้อมทั้งประสานสภ.คลองหลวงที่เป็นพื้นที่ใกล้เคียงให้มาร่วมตรวจสอบ กระทั่งทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ นายมเหศ ซิงห์ อายุ 52 ปี ชาวอินเดีย ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. เวลา 10.30 น. โดยน้องชายผู้ตายแจ้งว่าจะไปหาเพื่อนรุ่นน้องชื่อนายรวีประกาศ ซิง อายุ 29 ปี ชาวอินเดีย
คุมส่งดำเนินคดี
ทีมสืบสวนแกะรอยหาข่าวพบว่านายรวีถูกจับกุมตัวในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการสิ้นสุด และเพิ่งประกันตัวออกมาเมื่อวันที่ 30 ส.ค. จึงติดตามไปคุมตัวมาสอบสวนจนยอมรับสารภาพ
สอบสวนนายรวีประกาศ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นคนฆ่านายมเหศ ซิงห์ โดยก่อนหน้านี้เกิดความขัดแย้งกันเรื่องปัญหาที่ดินของทั้งคู่ในประเทศอินเดีย และแค้นที่ผู้ตายแจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้จับกุม 2-3 ครั้ง จึงออกอุบายโทรศัพท์ตามให้มากินข้าวที่ห้องพักในซอยคลองหลวง 8 หมู่ 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง เมื่อพูดคุยกันได้ฉวยจังหวะที่ผู้ตายไม่ระวังตัวใช้ท่อนเหล็กตีศีรษะจนแน่นิ่งไปแล้วใช้อาวุธมีดหั่นศพออกเป็นสองท่อน
พอตกกลางคืนก็ขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตาย นำชิ้นส่วนศพไปทิ้งริมถนนในซอยรังสิต-นครนายก 17 ต.ประชาธิปัตย์ เพื่ออำพราง จากนั้นนำรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ที่ใต้สะพานลอยหน้าบริษัทล้อรถยนต์แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากจุดทิ้งศพ ส่วนท่อนเหล็กและอาวุธมีดที่ใช้ตีและหั่นศพได้ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องพักของตน
หลักฐานวงจรปิด
เวลา 13.30 น. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ รองผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ปฏิบัติราชการแทนผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ มิตรปราสาท ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.เสฏฐพงศ์ ทรงกลด รองผกก.สส.สภ.คลองหลวง พ.ต.ต.สิรภพ บัวหลวง และพ.ต.ต.วีระ สุขชนะ สว.สส.สภ.คลองหลวง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม
พล.ต.ท.อำพลกล่าวว่า เมื่อเที่ยงคืน วันที่ 30 ส.ค. นายสุรยา น้องชายของผู้ตายได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ. คลองหลวง ว่าพี่ชายหายตัวออกจากบ้านพักพร้อมรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. เวลา 10.30 น. โดยแจ้งว่าจะไปหานายรวีประกาศ ซึ่งเป็นเพื่อนกัน และยังไม่กลับบ้าน เกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบหาก่อนพบศพ และติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 สอบคนร้าย
ขณะที่นายสุรยา ประทาป ชาฮี อายุ 38 ปี ชาวอินเดีย น้องชายของผู้ตาย และเป็นเพื่อนของฆาตกรรายนี้ กล่าวว่า จากการพูดของนายรวีประกาศอ้างว่า พี่ชายตนเป็นคนแจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้มาจับจนเสียเงินประกันตัว โดยครั้งแรกเสียเงินไป 50,000 บาท และครั้งที่สอง 30,000 บาท เพิ่งประกันตัวมา จากนั้นตอนเที่ยงวันที่ 29 ส.ค. ออกอุบายชวนผู้ตายที่พักอยู่ย่านสะพานแดงมากินข้าวที่ห้องเช่า ก่อนลงมือฆ่าหั่นศพ
เพราะการทำงานที่รวดเร็วของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนร้ายรายนี้จึงแทบไม่ทันตั้งตัวก็ถูกจับเสียแล้ว
โดย วสันต์ ทิพย์ประโภชน์, ภัทรพล แก้วสกุณี เรื่อง/ภาพ
