สดจากสนามข่าว

ดุสิต จิรภัทรากร, พิรยุทธ นิ่มนนท์, ชาญพงษ์ บุญอุทิศ – เรื่อง/ภาพ

แม้จะมีคลิปที่ น.ส.มารีนา แสงฉาย เจ้าหน้าที่ธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ไลฟ์เฟซบุ๊กพูดคุยหลอกล่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โทรศัพท์เข้ามาหลอกว่าบัญชีธนาคารที่เปิดไว้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน

เจ้าตัวเผยว่ารู้ตั้งแต่นาทีแรกแล้วว่าเป็นแก๊งคอลฯ เพราะมั่นใจว่าไม่เคยไปเปิดบัญชีตามที่อ้าง จึงพูดคุยจนล้วงความลับได้เลขบัญชีที่รับโอนเงิน ไปแจ้งตำรวจ จนสามารถตามไปเอาผิดกับหนุ่มลำปางเจ้าของบัญชี ที่รับว่ารับจ้างเปิดบัญชีด้วยเงินแค่พันเดียว

แต่ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันก็ยังมีเหตุแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดหลอกเหยื่อโผล่มาอีกเป็นระยะๆ

“บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เร่งกำชับลูกน้องให้เร่งติดตามจับกุมตัวแก๊งดังกล่าวมาให้ได้โดยเร็ว และให้ขยายผลไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง เพื่อดำเนินมาตรการยึดทรัพย์ต่อไป

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จับกุม นายทอมมี วู สัญชาติอินโดนีเซีย นายจิรวัฒน์ กล่อมบาง และ นายจิรพัฒน์ คณารุจินานนท์ 2 คนไทยที่ร่วมเครือข่ายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หลอกลวงผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, สมุดบัญชีธนาคาร 77 บัญชี, ซิมการ์ดโทรศัพท์ โทรศัพท์ มือถือ และบัตรเครดิตรวมกว่า 100 รายการ

ก่อนนำทั้งหมดมาให้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ เปิดแถลงรายละเอียดคดีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งก่อเหตุในพื้นที่ สน.หัวหมาก ตำรวจจึงขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 7 ราย จับกุมได้ 3 ราย คือ นายทอมมี หัวหน้าแก๊ง ที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา ส่วน นายจิรวัฒน์ และ นายจิรพัฒน์ จับกุมได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ส่วนอีก 4 รายอยู่ระหว่างหลบหนี เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น พร้อมประสาน ปปง.ตรวจสอบและอายัดธุรกรรมทางการเงินนายทอมมี

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า แก๊งดังกล่าวมีพฤติการณ์ชักชวนคนไทย 7-8 คน ก่อเหตุในลักษณะขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้เสียหาย โดยใช้ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศใกล้เคียงเป็นฐานในการกระทำความผิด โทรศัพท์กลับมาหลอกผู้เสียหายในประเทศไทย อ้างตัวเป็นพนักงานไปรษณีย์, เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หรือตำรวจ ลวงผู้เสียหายว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม และต้องถูกดำเนินคดี ยึดอายัดทรัพย์สินโดยล่อลวงให้ ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่กลุ่มนี้เปิดไว้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โดยพบเส้นทางบัญชีธนาคารในชื่อของนายจิรวัฒน์และนายจิรพัฒน์นำเงินไปซื้อเงินสกุลดิจิตอล หรือบิตคอยน์ โอนต่อไปให้นายทอมมี

ขณะที่พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ร่วมกันตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้งสิ้น 10 จุด ตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดและผู้ร่วมขบวนการ เป็นบัญชีธนาคาร 77 บัญชี จำนวนเงิน 77 ล้านบาท รถยนต์ 6 คัน และอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2 แห่ง มูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้รวม 120 ล้านบาท ส่วนประชาชนที่มีพฤติการณ์รับจ้างเปิดบัญชีจะทราบหรือไม่ทราบก็ตาม ขอให้หยุดการกระทำ เพราะเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับทุกราย

นายพีระพัฒน์ อิงพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 ปปง. เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ปปง.กำลังจับตาบัญชีธนาคารต้องสงสัยทั่วประเทศที่อาจเข้าข่ายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีประมาณ 400,000 บัญชี เนื่องจากพบพฤติการณ์การถอน การโอน การเปิดบัญชีอย่างน่าสงสัย ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชนได้ต่อไป

ถัดมาไม่กี่วันตำรวจก็เปิดปฏิบัติการจับกุมเป็นครั้งที่ 4 คราวนี้ พล.ต.ท. ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รรท.ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. และ ปปง. ร่วมกันแถลงผลจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ 21 ราย พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท

ผู้ต้องหามีชาวไทย 18 ราย และชาวต่างชาติ 3 ราย มี นายอภิชาติ กัณตวิสิฐ ซึ่งเป็นระดับสั่งการ พร้อมพวก ร่วมกับ 3 ผู้ต้องหาชาวไต้หวัน

พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์เปิดเผยถึงแผนประทุษกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า หัวหน้าใหญ่จะประสานให้หน่วยคอลเซ็นเตอร์ที่ประจำการอยู่ในประเทศต่างๆ หลอกลวงผู้เสียหายอีกประเทศหนึ่ง โดยอ้างตัวเป็นเจ้าพนักงานรัฐ ว่ามีข้อมูลทางการเงินพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมจะต้องถูกดำเนินคดีอายัดทรัพย์ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้โอนเงินผ่านบัญชีผู้รับจ้างเปิดบัญชี จากนั้นจะมีคนทำหน้าที่กดเงินรวบรวมฟอกเงินและกระจายเงินไปผ่านระบบบิตคอยน์ (bitcoin) แล้วเงินก็จะถูกส่งต่อไปที่กลุ่มผู้ดำเนินการระดับบริหารทั้งไทยและจีน ก่อนจะกลับไปสิ้นสุดที่หัวหน้าใหญ่ที่สั่งการ

ผลการปฏิบัติการทั้ง 4 ครั้ง ตำรวจสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ 146 หมายจับ จับกุมได้ 98 คน ผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ 7 หมายจับ และอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมอีก 41 หมายจับ ซึ่งตำรวจก็กำลังเร่งติดตามให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ผู้ต้องหารับว่าแต่ละวันมีรายชื่อที่ต้องโทร.ไปหลอกลวงเป็นพันชื่อ โดยมีเหยื่อโอนเงินเข้ามาทุกวัน

ปปง.เตือนผู้รับจ้างเปิดบัญชีทั้งหลายว่า หากยังไม่เลิกต่อไปนี้จะโดนโทษหนัก ถึงขั้นถูกยึดทรัพย์

ส่วนผู้ที่ถูกโทร.มาหลอกลวงควรหาคนที่ไว้ใจได้ปรึกษา หรือคิดอะไรไม่ออกก็โทร.หา ตร.ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วน ปปง.1710

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน