คอลัมน์ สดจากสนามข่าว

ชยพล ปัญญาวิศิษฏ์กุล
เรื่อง/ภาพ

เจาะเหตุสลดโรงพักแกลงคุณนายรองสวป.เครียดหนี้ยิงดับลูก-โดดแฟลตฆ่าตัว

ผลพวงการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะโควิด-19 ที่กระจายไปทุกหย่อมหญ้าทั่วโลก นอกจากจะทำให้ผู้คนหวาดกลัวมหันตภัยจากโรคร้ายแล้ว มันยังส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจทั้งใหญ่น้อย ระบบเศรษฐกิจแทบจะกลายเป็นอัมพาต บ้านเมืองของเราก็ไม่มียกเว้น

เมื่อรายได้ลด แต่รายจ่ายไม่ยอมจะหยุด นิ่งตาม ผู้คนก็ต้องขวนขวายหาแหล่งเงินทุนมาต่อชีพ

แต่แทนที่ชีวิตจะพอบรรเทาทุกข์ได้บ้าง มันกลับกลายเป็นวัว พันหลักหมดหนทางที่จะไปต่อ

หลายคนเลือกที่จะคิดสั้นตัดชีวิตหนี้ทิ้ง ด้วยการตัดช่องน้อย แต่พอตัวจนแทบจะกลายเป็นข่าวรายวันบนหน้าสื่อแขนงต่างๆ

ล่าสุดก็เกิดเหตุสลดกับครอบครัวนายตำรวจที่ระยอง เมื่อภรรยาใช้อาวุธปืนประจำกายของสามียิงปลิดชีพลูกสาวที่ชีวิตเพิ่งจะเริ่ม เข้าวัยรุ่น ก่อนที่ตัวเองจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย

คดีสลดครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันที่ วันที่ 4 พ.ย. เมื่อ ร.ต.อ.ณัฐกฤตคงลอด รองสว.สอบสวน สภ.แกลง จ.ระยอง รับแจ้งเหตุคนตกจากที่สูงเสียชีวิต บริเวณแฟลตตำรวจหลังสภ.แกลง จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.ประติพัฒน์ ภูมิลี ผกก. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. แพทย์ ร.พ.แกลง

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณทางเท้าหน้าแฟลตตำรวจพบศพ นางพิภาพร นามประภา อายุ 42 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.ชลบุรี เป็นภรรยาร.ต.อ.ประดิษฐ์ นามประภา รองสวป.สภ.แกลง ประกอบอาชีพเป็นเซลส์ขายรถยนต์ที่โชว์รูมจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่ง นอนจมกองเลือด สภาพศพศีรษะยุบแตกมันสมองกระจาย กระดูกหักหลายแห่ง

เมื่อเข้าไปตรวจภายในห้องพักของผู้ตายเลขที่ 268/12 ชั้น 1 แฟลตเกิดเหตุ พบศพ ด.ญ.พิณพร นามประภา อายุ 14 ปี ลูกสาวนางพิภาพรเรียนอยู่ชั้น ม.2 นอนจมกองเลือดอยู่บนที่นอนภายในห้อง

พบบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่ขมับข้างซ้าย ใกล้กันพบอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่

และยังพบข้อความบนกระดาษโน้ตสีเขียวใจความว่า เก็บไว้ ใช้เวลาจำเป็น แม่มีให้แค่นี้ วางอยู่บนธนบัตร ใบละ 20 บาท และ 100 บาท จำนวนหนึ่ง

ไม่ห่างกันมีเพื่อนตำรวจกำลังปลอบโยนร.ต.อ.ประดิษฐ์ที่อยู่ในความเศร้าโศก

ส อบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุร.ต.อ.ประดิษฐ์ เพิ่งออกเวรกลับเข้าห้องพักเมื่อเวลา 03.30 น. โดยภรรยาและลูกสาวยังหลับพักผ่อนในห้องนอนตามปกติ จึงวางปืนไว้ในห้องในจุดที่วางปืนไว้เป็นประจำ ก่อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าไปนอนพักที่อีกห้องหนึ่งเพียงลำพัง

กระทั่งช่วงเช้าได้ยินเสียงคนตะโกนโวยวายจึงออกไปดูก็ต้องช็อกเพราะพบว่าภรรยานอนเสียชีวิตอยู่ที่พื้นหน้าแฟลต ระหว่างนั่งเสียใจต่อการจากไปของภรรยา ผู้กองหนุ่มรู้สึกผิดสังเกตจึงรีบวิ่งเข้าไปดูลูกสาวในห้องนอน

ภาพลูกที่นอนไร้ชีวิตจมกองเลือด ทำให้หัวใจของตำรวจหนุ่มต้องแหลกสลาย ร้องตะโกนด้วยความเศร้าสลดคว้าอาวุธปืนขึ้นจ่อศีรษะหวังฆ่าตัวตาม แต่เพื่อนตำรวจที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนรีบวิ่งเข้ามาชาร์จแย่งปืนไว้ได้ทัน ก่อนพาไปปลอบโยนให้สงบสติอารมณ์

โดยเพื่อนตำรวจต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแบบนี้กับครอบครัวนี้ เพราะผู้เสียชีวิตและลูกสาวอยู่กับสามีตำรวจกว่าสิบปีแล้ว ไม่เคยมีการทะเลาะรุนแรง

ขณะที่เพื่อนร่วมงานของนางพิภาพรให้การว่า ก่อนก่อเหตุยังทำงานปกติยังพูดคุยเล่นเหมือนทุกวันไม่มีลางบอกเหตุว่ามีความเครียดเท่าที่ทราบจะมีเรื่องหนี้สินที่ผู้เสียชีวิตมักจะเปรยกับเพื่อนร่วมงาน เป็นประจำ

นอกจากนั้นยังคาดว่าสาเหตุอาจมาจากเรื่องที่เพื่อนร่วมงานรายหนึ่งฝากเงินสะสมไว้กับผู้เสียชีวิตประมาณ 70,000 บาท หวังซื้อรถไว้ใช้งาน โดยไม่ได้บอกว่าจะขอเงินเมื่อใด

แต่ผู้ตายเป็นคนออกปากว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาคืนให้เพื่อนในวันเกิดเหตุ

อาจจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นเพิ่มความเครียดที่ผู้เสียชีวิตอาจจะหาเงินไม่ทัน

ผศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วงดำรงตำแหน่งปฏิคมสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย เคยให้ความเห็นในบทความเรื่อง “ฆ่าตัวตาย” ปัญหาที่มีทางออก ของเว็บไซต์วงการแพทย์ (www.wongkarnpat.com) ว่า

สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันการฆ่าตัวตายได้อย่างแท้จริงคือ ความหวัง

เพราะผู้ที่คิดจะฆ่าตัวตายคือผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะสิ้นหวัง เมื่ออับจนหนทางจึงเลือกที่จะจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย

แต่ถ้าหากได้รับคำแนะนำที่ดี ได้รับรู้ว่าปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่มีทางออก รู้สึกว่าชีวิตยังมีความหวัง ยังสามารถทำอะไรต่างๆ ได้อีกมากมาย และมีคนที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจ ก็อาจจะทำให้อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 1 วัน, 2 วัน, 3 วัน, 1 อาทิตย์, 1 เดือน หรือ 1 ปี

และผ่านพ้นปัญหาที่ทำให้คิดฆ่าตัวตายไปได้ในที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน