อาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบ แก๊งติดตามทวงหนี้ ล้วนเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย ธรรมชาติของคนที่เลือกทำอาชีพนี้ย่อมมีแนวโน้มในการชอบใช้กำลังแก้ปัญหา จึงไม่น่าแปลกที่เมื่อมีความขัดแย้งกันเองในกลุ่ม ความรุนแรงจึงเป็นทางเลือกของคนเหล่านี้

เสียงปืนที่ดังขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.20 น. วันที่ 9 ก.พ. ที่บ้านเลขที่ 459/1106 ซอย 12 ในหมู่บ้านชินลาภ หมู่ 7 ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวดังกล่าว
พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก นำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันทีหลังรับแจ้ง

พฐ.ตรวจที่เกิดเหตุ

บริเวณหน้าบ้านพบศพนายวีรพงษ์ เพ็งเพชร อายุ 33 ปี มีอาชีพเก็บเงินกู้ระดับหัวหน้าสาย นอนเสียชีวิตที่บริเวณข้างโต๊ะมีบาดแผลที่บริเวณใต้ราวนม 1 แห่ง และพบปลอกกระสุนปืน 1 ปลอกขนาด .32 ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่บริเวณโต๊ะหน้าบ้านยังมีขวดเบียร์เปล่าและยังไม่หมดอยู่ในถุงพลาสติกวางอยู่จำนวนหลายขวด

จากการสอบสวนนายวินัย พุ่มพงษ์ อายุ 48 ปี เจ้าของบ้านให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนายวีรพงษ์ ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์มาหาที่บ้านและนั่งดื่มกัน ต่อมาผู้ตายได้พูดคุยโทรศัพท์โต้เถียงท้าทายกันกับใครไม่ทราบ ต่อมาไม่นานได้มีรถยนต์ปิกอัพวิ่งเข้าจอดและมีกลุ่มคนร้ายประมาณ 4-5 คนได้ลงจากรถและเข้าไปในบ้านโต้เถียงกัน ตอนนั้นตนลุกไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงชกต่อยกัน โดยมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้วิ่งออกไปขึ้นรถยนต์ปิกอัพขับหลบหนีไป ตนเองจึงได้เข้าไปดูพบว่านายวีรพงษ์ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว

นาทีปืนลั่น

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก สั่งการให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิ นำตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ลงพื้นที่หาข่าวและหาเบาะแสของกลุ่มคนร้าย และแกะรอยจากกล้องวงจรปิดในหมู่บ้าน รวมทั้งเบอร์โทรศัพท์ที่ผู้ตายโทร.พูดคุยก่อนเกิดเหตุ โดยเฉพาะหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่รวบรวมจากจุดต่างๆ จนสามารถปะติด ปะต่อเหตุการณ์จนทราบว่าผู้ก่อเหตุมีนายพงศกร โตสุวรรณ์ อายุ 35 ปี นายอรรถพล เสือเปรม อายุ 27 ปี นายปริญญา สามล อายุ 33 ปี และนายสาธิต พานโย อายุ 35 ปี ซึ่งผู้ตายเป็นเพื่อนที่รู้จักและอยู่ในกลุ่มแก๊งเงินกู้ด้วยกัน

ต่อมานายวีรพงษ์ได้ขอยืมรถจักรยานยนต์มาใช้จนพัง แต่ไม่ซ่อมให้ จนมีเรื่องบาดหมางผิดใจกัน กระทั่งผู้ตายโทรศัพท์ ให้มาเคลียร์ปัญหา แต่พูดคุยตกลงกันไม่ได้ และเกิดมีปากเสียงท้าทายกัน ก่อนที่กลุ่มนายเอกจะขับรถกระบะบุกมาหาถึงที่บ้านพัก เกิดการทะเลาะชกต่อยกันขึ้น และนายวีรพงษ์ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิต








Advertisement

คุมตัวทำแผนฯ

พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไปขอศาลจังหวัดพิษณุโลกออกหมายจับทั้งหมดในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธติดตัว

เพียงวันเดียวตำรวจก็ติดตามจับกุมตัวทั้งหมดได้ครบ แต่ทั้งหมดให้การภาคเสธ เบื้องต้นทั้ง 4 สารภาพเป็นคนลงมือจริง แต่ไม่ได้เจตนายิง หรือฆ่าให้ตาย โดยก่อนเกิดเหตุมีการทะเลาะกันทางโทรศัพท์ และผู้ตายได้ท้าทายกลุ่มตนจึงมาตามคำท้า แต่ผู้ตายกลับถือปืนออกมาจึงเกิดการยื้อแย่งระหว่างและยื้อแย่งอาวุธปืนระหว่างนายอรรถและนายวีรพงษ์ ผู้ตาย จนเกิดปืนลั่นใส่ผู้ตาย

นำชี้ที่เกิดเหตุ

พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ที่มาชี้จุดประกอบสำนวนคดี ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนและเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวมาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก

ขณะที่นายจิระวัฒน์ เพ็งเพชร บิดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยด้วยความโศกเศร้าว่า ยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้ตัวผู้ก่อเหตุมาขอขมาศพ เพื่อให้ดวงวิญญาณของลูกชายได้รับรู้ แต่จะไม่ให้อภัยกับผู้ก่อเหตุ ขอให้ชดใช้กรรมที่ก่อเอาไว้ถูกลงโทษตามกฎหมาย

อนุชา แก้วคำมาเรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน