แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ตำรวจสืบสวนนครบาล 6 ก็บรรลุภารกิจพิชิตคดีอุกอาจกลางเมืองกรุงได้เป็นผลสำเร็จ
ย้อนกลับไปช่วงบ่ายของวันที่ 7 มี.ค. เจ้าของห้างทองทองสวย (ร้านเพชรสวย) ตั้งอยู่บริเวณชั้นที่ 1 ภายในศูนย์การค้าดิโอลด์สยามพลาซ่า แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ รุดเข้าพบ พ.ต.ท.นิรุติ พุทธิมา สว.สอบสวน สน.พระราชวัง
แจ้งความว่า มีคนร้ายเป็นชาวญี่ปุ่น ชื่อนายยามาชิตะ โซริ อายุ 32 ปี ติดต่อขอซื้อทองคำแท่งน้ำหนักรวม 65 บาท มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท จึงนัดพบที่ร้าน โดยเตรียมล่ามภาษาญี่ปุ่นไว้ พร้อมสรรพ
เมื่อถึงเวลานัดนายยามาชิตะมาถึงที่ร้านจึงนำทองคำแท่ง น้ำหนัก 20 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนัก 10 บาท จำนวน 2 แท่ง น้ำหนัก 5 บาท จำนวน 1 แท่ง ให้ตรวจสอบจนพอใจ ทางร้านจึงออกเอกสารใบรับรองทองคำ จำนวน 3 ใบ ลงวันที่ 7/3/2565 เวลา 13.31, 13.37, 13.43 น. ให้คนร้าย
แต่แทนที่คนร้ายจะมอบเงินค่าทองคำให้ กลับกวาดทองคำและใบรับรองใส่กระเป๋าหลบหนีออกจากร้านไป
หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.นิรุติรีบรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทันที
‘บิ๊กราญ’ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. สั่งระดมกำลังตำรวจมือดีเร่งพิชิตคดีอุกอาจครั้งนี้ทันทีหลังทราบข่าว
พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.เกียรติคุณ สนธิเณร รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.กก.สส.บก.น.6 พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.สน.พระราชวัง พ.ต.ท.เสกสรรค์ ชุ่มแจ่ม รอง ผกก.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่พฐ. รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
เจ้าหน้าที่เช็กกล้องวงจรปิดภายในศูนย์การค้าที่เกิดเหตุ พบภาพหญิงเจ้าของร้านกำลังฉุดกระชากชายหนุ่มเสื้อขาว แต่อีกฝ่ายไม่สนใจสะบัดจนหลุดวิ่งหนีข้ามถนนไปโบกรถแท็กซี่สีส้มหลบหนีไป
ทีมสืบสวน บก.น.6 และสน.พระราชวัง กระจายกำลังออกติดตามทันที โดยแกะรอยจากกล้องจราจรและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่รถแท็กซี่คันดังกล่าวผ่านไป
กระทั่งพบว่า คนร้ายเข้าไปในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ภายใน ซ.สุขุมวิท 61 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ก่อนออกจากคอนโดฯ แห่งดังกล่าวอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่แกะรอยตามไปกระทั่งแสดงตัวจับกุม ขณะที่คนร้าย เดินอยู่ริมถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร ในเวลา 00.45 น. วันที่ 8 มี.ค.
โดยมีเอกสารใบรับรองทองคำ ออกโดยร้านห้างทองทองสวย จำนวน 3 ใบ เป็นหลักฐาน ก่อนคุมตัวไปตรวจค้นห้องพักที่คอนโดฯ ในซ.สุขุมวิท 61 พบทองคำแท่งของกลางทั้งหมดซุกไว้บนหัวเตียง พร้อมเสื้อผ้าการแต่งกายที่ใช้ในการก่อเหตุ
เมื่อคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางกลับไปสอบสวน นาย ยามาชิตะ ให้การรับสารภาพว่า นำทองคำแท่งของกลางมาจริง แต่อ้างว่าผู้เสียหายคนไทยได้ทำธุรกิจร่วมกัน โดยค้าขายทองนำทองจากลาวมาแปรรูปและขายในประเทศไทย
แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อในคำให้การ เพราะจากการสืบสวนในเชิงลึกพบว่า นายยามาชิตะเดินทางเข้าออกประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 3 ปี และอาจมีประวัติโยงใยเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่าที่ประเทศญี่ปุ่น
เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา วิ่งราวทรัพย์หรือรับของโจร ก่อนคุมตัวไว้เค้นสอบสวนเพิ่มเติม เพราะเชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้คาดว่ามีผู้สมรู้ร่วมคิดร่วมมือทำกันเป็นขบวนการ
ไล่ล่าลากคอจอมบงการที่อยู่เบื้องหลังออกมารับโทษ
ไม่ว่าจะเป็นแก๊งมาเฟีย ยากูซ่า หรือ อั้งยี่ ขบวนการไหนก็ไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือตำรวจไทยภายใต้การนำของ ‘บิ๊กปั๊ด’ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. หากกล้าเข้ามาละเมิดกฎหมายในบ้านเมืองนี้
สราวุฒิ ศรีเพ็ชรสัย เรื่อง/ภาพ