คงไม่มีใครจะดีใจที่ได้รับใบสั่งจราจร แต่นายณรงค์ศักดิ์ ฆารเจริญ หนุ่มวัย 39 ปี กลับดีใจเป็นอย่างมากเพราะมันทำให้ ได้รถยนต์ที่หายไปนานถึง 10 ปีกลับคืนมา

ย้อนไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (อยุธยา) นายณรงค์ศักดิ์ เดินทางมาเข้าพบพ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร.ต.อ.วัชรพล วชิรกุลฑล รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์ สว.(ป.) ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. เพื่อรับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน ฎย 4822 กรุงเทพมหานคร คืน หลังจาก ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาตรวจยึดได้ที่ถนนสายเอเชีย จ.พระนครศรีอยุธยา

นายณรงค์ศักดิ์เล่าที่มาที่ไปว่า เมื่อปี 2555 เพื่อนพ่อมาขอยืมรถแล้วขับหายไปเลย ซึ่งชื่อรถเป็นชื่อของแม่และยังผ่อนอยู่กับบริษัทไฟแนนซ์ ทำให้ต่อมาถูกไฟแนนซ์จะฟ้อง ยึดบ้าน จนต้องเอาเงินไปจ่ายค่างวดรถจนหมด

“ผ่านมาเป็น 10 ปี ผมถอดใจแล้ว ก็คิดว่าไม่ได้รถคืนแน่ๆ แต่จู่ๆ มีใบสั่งจากกล้อง ตรวจจับความเร็วของตำรวจทางหลวง (อยุธยา) ส่งมาที่บ้าน 3-4 ใบ ในรูปเป็นรถฟอร์จูนเนอร์ตรงกับของผม ตอนนั้นดีใจมากที่รู้ว่ารถยังอยู่ รีบติดต่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงให้ทราบ จนสามารถยึดรถคืนมาได้ แม่ผมเองทราบเรื่องก็ดีใจมากที่ได้รถคืนมา ต้องขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงทุกท่านที่สามารถนำรถมาคืนให้กับผมได้” นายณรงค์ศักดิ์กล่าวด้วยความดีใจ

ขณะที่ ร.ต.อ.วัชรพล วชิรกุลฑล รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.กล่าวว่า ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ก็ให้ผู้เสียหายรีบมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน 3 เดือน ซึ่งคดีเหล่านี้อาจจะเข้าข่ายคดียักยอกทรัพย์ และถ้ารถโดนใบสั่งก็ให้ผู้เสียหายประสานงานมาที่สถานีตำรวจที่ออกใบสั่ง เพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถตรวจสอบได้ว่ารถ คันที่โดนใบสั่งอยู่ที่ไหน หากทางเจ้าของตัวจริงไม่ได้เป็นผู้ใช้งาน ทางเจ้าหน้าที่ก็พร้อมจะติดตามตัวผู้กระทำผิดมาสอบสวนดำเนินคดี

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ติดตามรถคืนให้กับเจ้าของ โดยเมื่อวันที่ 21 ก.พ. พ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์ รองสว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ก็ได้มอบรถเก๋งนิสสันมาร์ช สีเทา หมายเลขทะเบียน (ป้ายแดง) ย-6855 กรุงเทพมหานคร คืนให้กับน.ส.น้ำฝน บุตรตะ อายุ 33 ปี และนางหลอด ภูน้ำทอง อายุ 66 ปี หลังเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ขณะออกตรวจพื้นที่พบพิรุธที่ป้ายทะเบียนกับรุ่นปีรถไม่สัมพันธ์กัน จึงได้เรียกตรวจและขอตรวจสอบคู่มือรถที่ทางผู้ขับขี่ไม่สามารถนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ก่อนพบว่าเป็นรถที่รับจำนำมา

น.ส.น้ำฝนเผยว่า ตนซื้อรถคันนี้มาได้ สามเดือน ซึ่งตอนที่ซื้อมาเป็นสีดำและได้ไปทำธุรกิจกับเพื่อนแต่มีปัญหาด้านการเงินจึงได้ เอารถไปจำนำที่ร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่งในจังหวัด อุดรธานีจำนวน 30,000 บาท ดอกเบี้ยเดือนละ 3,000 บาท แต่ขาดส่งดอก 2 เดือน พอจะติดต่อไปขอไถ่คืนเขาตัดสายทิ้งและติดต่อ ไม่ได้ จนกระทั่งถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้อง แม่ต้องนำที่นา 6 ไร่ ไปจำนองธนาคารเพื่อมาปิดงวดรถคันนี้ จึงขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่สามารถติดตามรถยนต์มาคืนได้

อีกรายเมื่อวันที่ 23 ก.พ. น.ส.สัชฌกร ศรีสมบัติ อายุ 27 ปี ชาว ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยญาติๆ ได้เข้าพบพ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ได้สั่งการให้ร.ต.อ.วัชรพล วชิรกุลฑล รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. ร.ต.อ.อรรณพ ฉิมพลี ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์ สว.(ป.) ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. เพื่อรับรถกระบะฟอร์ด สีขาว ทะเบียน กธ 1483 กาฬสินธุ์ คืน ภายหลัง เจ้าหน้าที่ตรวจยึดรถได้ที่บริเวณก.ม.1-2 ทล.32 (ถนนสายเอเชียขาเข้า) ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

น.ส.สัชฌกรเล่าว่า นำไปจำนำกับญาติๆ กันในราคา 80,000 บาท เสียดอกเบี้ย ร้อยละ 10 ต่อเดือน ต่อมานำเงินไปไถ่ถอนรถยนต์ดังกล่าว แต่ทางคนที่รับจำนำบ่ายเบี่ยงไม่ยอมคืนรถให้ โดยขอเลื่อนเรื่อยมานานถึง 5 เดือน กระทั่งตนได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานจราจร เนื่องจากมีผู้ขับขี่ รถของตนด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงเชื่อว่าทางคนที่รับจำนำได้ครอบครองรถยนต์ไว้ และเจตนาเบียดบังเอาเป็นของตนเอง โดยทุจริต จึงได้แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์

รถหายไปตั้ง 5 เดือน แล้วก็ไม่รู้ว่ารถไปอยู่ที่ไหน ตั้งแต่รถหาย ก็ไม่คุยกับญาติคนนี้อีกเลย ตลอดระยะเวลาที่รถหายไปมีใบสั่งจำนวน 12 ใบส่งไปหาตนเองที่บ้าน ส่วนใหญ่วิ่งอยู่ในจังหวัดทางภาคกลาง ก็คิดว่าญาติของตนนำรถไปจำนำต่อหรือขายให้กับคนอื่นไปแล้ว

พอเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยาโทรศัพท์มาแจ้งตนพบรถแล้ว ก็รู้สึกดีใจมาก ที่ได้รถคืน

อีกหนึ่งประโยชน์ของกล้องจราจรที่ไม่ได้มีไว้เพียงแค่จ้องจับผิด

วสันต์ ทิพย์ประโภชน์ เรื่อง/ภาพ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน