อัมรินทร์ ชูฤทธิ์

เรื่อง/ภาพ

พลันที่ภาพเหตุการณ์ 4 คนร้าย ก่อเหตุอุ้ม นายอรรถพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี พร้อมกับภรรยา และลูก บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านฝากนา ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย ก่อนที่ทั้งหมด ถูกปล่อยตัวออกมาโดยปลอดภัย ถูกเผยแพร่ออกตามสื่อ แม้จะมีกลิ่นทะแม่งๆ ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง

แต่วิธีการที่อุกอาจหาได้คิดสักนิดว่าบ้านเมืองมีกฎหมายหาใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน ก็สร้างกระแสไม่พอใจให้กับสังคม โดยเฉพาะมาก่อเหตุทั้งที่มีเด็กน้อยซึ่งไม่รู้เรื่องราวอยู่ด้วย

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเช้าวันที่ 17 ม.ค. ขณะที่ นายอรรถพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน 6 กบ 9520 กทม. พาภรรยาและลูกมาจอดที่หน้าโรงเรียนบ้านฟากนา ต.นาอาน อ.เมือง จ.เลย เพื่อเข้าไปติดต่อนำลูกเข้าเรียน

ทั้งสามคนถูกชายฉกรรจ์ 4 คน ใช้อาวุธปืนบังคับให้ขึ้นรถเก๋งมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน กน 5930 ลพบุรี ได้สร้างความตระหนกตกใจแก่ทั้งครูและ ผู้ปกครองและนักเรียน จากนั้นชายฉกรรจ์ได้พาหลบหนีไปทาง อ.วังสะพุง ก่อนที่นายอรรถพลพร้อมกับภรรยาและลูกถูกปล่อยลงกลางทาง จึงมาแจ้งตำรวจเมืองเลยให้ดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิดในโรงเรียน พบว่ามีชาย 3 คนเดินมาที่ผู้ชายที่ยืนหันหลัง ก่อนนำมือไปล้วงที่กระเป๋าด้านขวามือเหมือนว่าจะใช้อาวุธ และลากตัวผู้เสียหายฝ่ายชายออกไปยังด้านนอก และจากนั้นคนร้ายผู้ชายเสื้อสีขาวก็กลับมาอุ้มตัวแม่ลูกไปที่รถเก๋ง และรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน 6 กบ 9520 กทม. ของผู้เสียหาย ในภาพเห็นว่าทั้งหมดพูดคุยกว่า 10 นาที จากนั้นจึงขับรถออกไปท่ามกลางสายตาของครูและเด็กนักเรียนที่กำลังเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่ภายในโรงเรียน

จากการสอบสวนเจ้าทุกข์พบว่า เป็นเรื่องการทวงหนี้สินกัน โดยนายอรรถพล กับกลุ่มคนร้าย ก็รู้จักกันด้วย โดยหลังจากอุ้มไปคนร้ายทั้ง 4 คนนำตัว 3 พ่อแม่ลูกไปซื้อหนังสือสัญญาซื้อขายรถที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งใน อ.วังสะพุง และให้เซ็นสัญญาจำนำรถไว้ ก่อนนำไปปล่อยทิ้งที่ปากทางบ้านหนองบอน หมู่ 8 อ.วังสะพุง โดยไม่ได้ทำร้ายร่างกาย

ภายหลังเป็นข่าวมีเจ้าของเต็นท์รถรายหนึ่งออกมาให้ข้อมูลว่าแท้จริงแล้วทั้งสองผัวเมียเป็นมิจฉาชีพที่ใช้อุบายฉกรถเก๋งฮอนด้ามาโดยใช้ปืนขู่ลูกน้องตน โดยได้มีการแจ้งความเอาไว้นานแล้ว กระทั่งตามสืบจนพบตัว แต่ด้วยความร้อนใจเกรงว่าจะหลบหนีลูกน้องจึงลงมือด้วยตัวเอง ไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นเรื่องราวขึ้นมา

ขณะที่นายอรรถพลยอมรับน้องชายตนเองได้ไปจำนำไว้กับเต็นท์รถในราคา 130,000 บาท และไม่ได้ผ่อน กลัวว่า จะถูกยึดจึงออกอุบายว่าจะมาไถ่ถอนคืนก่อน จึงใช้กุญแจสำรองไขเปิดสตาร์ตรถขับหนีมา โดยไม่มีการข่มขู่ทำร้ายร่างกาย หรือชักอาวุธปืนออกมาตามที่เจ้าของเต็นท์กล่าวอ้าง ส่วนเรื่องการอุ้มหน้าโรงเรียนโดยใช้อาวุธปืนมาขู่เอาชีวิตนั้นเป็นเรื่องจริง

คดีนี้แม้จะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่เมื่อปรากฏความ ผิดชัดเจน พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ อรัณยกานนท์ ผกก.สภ.เมืองเลย พ.ต.ท.ดำรงค์ วงษ์ลืออำนาจ รอง ผกก.สภ.เมืองเลย ก็รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 รายจากศาลจังหวัดเลย ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือเพื่อพาทรัพย์นั้น หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, ร่วมกันข่มขืนใจ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ, ร่วมกันมีอาวุธปืนและพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือมีเหตุเร่งด่วน

ตํารวจให้เหตุผลกรณีที่ไม่มีหมายเรียกให้มารับทราบข้อหา แต่ขออนุมัติหมายจับเลย เนื่องจากพนักงานสอบสวนคดีนี้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดอาญาซึ่งมีโทษจำคุกสูงเกิน 3 ปี จึงไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียกก็ได้

ต่อมาวันที่ 22 ม.ค. พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ อรัณยกานนท์ ผกก.สภ.เมืองเลย เปิดเผยว่า ได้สอบปากคำผู้เสียหายและพยานแวดล้อม พร้อมกับออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา และกำลังเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 2 คน

ซึ่งเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวนจากนครบาล กทม. และทนายความ นำตัว นายขวัญ ผ่องใส อายุ 33 ปี และ นายอุเทน ยังศิริ อายุ 34 ปี 2 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับมาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย โดยทั้งคู่ขอให้การใน ชั้นศาล ซึ่งยังคงเหลืออีก 2 คน ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ

“ในส่วนขั้นตอนนี้เราได้รับตัว ผู้ต้องหาไว้สอบสวนเพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายส่วนในเรื่องการ ขอประกันตัว ผู้ต้องหามีสิทธิที่จะประกันตัวได้ แต่ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องสอบผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้เสร็จสิ้นก่อน และส่วนคดีของผู้เสียหาย พ่อและแม่ที่ถูกอุ้มได้ถูกเจ้าของเต็นท์รถแจ้งความดำเนินคดีที่ กทม. เป็นคนละกรณีกัน เราจะดำเนินการเฉพาะคดีที่มี ผู้กระทำผิดในพื้นที่ของเรา ทั้งเพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุขขึ้น ในครั้งตอนนี้ขอให้อยู่ขั้นการสอบสวนก่อน” ผกก.สภ.เมืองเลยกล่าว

เรื่องนี้ต้องแยกเป็นคดีๆ ใคร ทำผิดอะไรไว้ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย บ้านเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน