ขวัญเพชร โชคบรรดาลสุข

ธานี ทวีเกิด

เรื่อง/ภาพ

สถานการณ์การลำเลียงยาเสพติดจากแหล่งผลิตไปยังกลุ่มลูกค้า ที่ผ่านมาจะพบว่าขบวนการขนยาเสพติดมักจะหลบเลี่ยงการจับกุมทุกวิถีทาง เพื่อตบตา เจ้าหน้าที่ หากไม่ใช้ไหวพริบช่างสังเกต ความเข้มในการตรวจจับ ตลอดจนการ ข่าวที่ดีก็ยากต่อการการสกัดกั้น-ตรวจจับตัดวงจร

พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้ให้นโยบายและให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติด สั่งทุกหน่วยงานในสังกัดบช.ก. เฝ้าระวังติดตามหาข่าว หลังพบว่าขบวนการยาเสพติดได้พัฒนาวิธีการนำเข้ามาของยาเสพติดในรูปแบบ “กองทัพมด” ทยอยลำเลียงยาเสพติดเข้ามาตามชายแดน ก่อนใช้ไทยเป็นทางผ่านลงใต้ส่งให้นายทุนประเทศเพื่อนบ้าน

ล่าสุดตำรวจรถไฟประสานกองปราบฯและตร.ทางหลวง บุกรวบแก๊งมดงานค้ายานรกข้ามชาติ ลอบขนยาไอซ์ พร้อมยึดของกลางยาไอซ์ล็อตใหญ่ 250 ก.ก. มูลค่าที่ต้นทางกว่า 250 ล้านบาท หลังพบลักลอบลำเลียงขึ้นรถไฟจากหัวลำโพง ปลายทางอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนลำเลียงส่งผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.รฟ. เผยที่มาที่ไปของการจับกุมล็อตมหึมาครั้งนี้ว่า ได้สั่งการให้ตำรวจในสังกัดเข้มงวดกวดขันการขึ้นตรวจตราขบวนรถไฟ ตลอดจนส่งชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบร่วมด้วย กระทั่งบ่ายของวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

ขณะที่ ร.ต.อ.ธีรพล ยืนยง รองสว.(ป)ส.รฟ.หัวหิน กก. 3 บก.รฟ. ด.ต. แสงอรุณ นิยมเดช ผบ.หมู่ ส.รฟ.หัวหิน กก. 3 บก.รฟ. พร้อมชุดสืบสวน ได้ขึ้นขบวนเพื่อออกตรวจความเรียบร้อยบนขบวนรถไฟ ขบวน 171 กทม.-สุไหงโก-ลก เพื่อป้องกันอาชญากรรมและลักลอบขนยาเสพติด

หลังขบวนรถดังกล่าวเคลื่อนออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปแล้ว ระหว่าง ทางขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งใกล้ถึงสถานีบ้านโป่ง เจ้าหน้าที่พบความผิดปกติที่ตู้ที่ 13/1 เมื่อพบชายสี่คนนั่งอยู่ในลักษณะลุกลี้ลุกลนมีพิรุธน่าสงสัยทันทีที่เห็นตำรวจ

ด้วยไหวพริบสัญชาตญาณตำรวจทำให้รู้ได้ทันทีว่าน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงได้รอจังหวะเพื่อจะเข้าตรวจอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าชายทั้งสี่เกิดไหวตัวรีบวิ่งหนีลงจากรถไฟทันทีที่ถึงสถานีบ้านโป่ง โดยทิ้งสัมภาระเป็นกระเป๋าเดินทางและเป้รวม 9 ใบ เอาไว้

เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกระเป๋าที่ทั้ง 4 คนทิ้งไว้ ก็พบไอซ์จำนวน 250 ก.ก. ซุกซ่อนอยู่จึงรีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ

จากนั้น พ.ต.ท.อานนท์ วิชเศรษฐ สมิต รองผกก.3 บก.รฟ. พ.ต.ท.มงคล พรหมเมศร์ สว.ส.รฟ.หัวหิน กก.3 บก.รฟ. รีบรายงานตรงต่อ ผบก.รฟ. ก่อนประสานการทำงานร่วม พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่ม พันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.ธนนท์ โตงิ้ว ผกก.2บก.ทล. จัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนี

จนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาไปเปิดห้องพัก ในอ.บ้านโป่ง จึงนำกำลังเข้าจับกุมไว้ได้ 3 ราย ประกอบด้วยนายจักรพัชร พุ่มพวง อายุ 27 ปี ชาวจ.หนองคาย นายวิศรุต ตราชัย อายุ 23 ปี ชาวจ.นครพนม และนายพลธวัช มะละ อายุ 20 ปี ชาวจ.นครพนม ส่วนอีกรายหลบหนีไป

พล.ต.ต.วรพงษ์เปิดเผยต่อว่า จากแนวทางการสืบสวนทราบว่าคนร้ายกลุ่มนี้ อยู่ในเครือข่ายของ นายพัทธนันท์ หรือ ดำ คานสี อายุ 34 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี โดยสั่งการให้นาย พลธวัชและนายวิศรุต ไปรับ ของที่ริมแม่น้ำโขง อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กับนายเคน (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง)

ยาเสพติดจะมาในลักษณะเป็นกระสอบ ก่อนที่จะมาใส่แพ็กเกจและกระเป๋าเดินทาง จากนั้นทั้งสองมาพบกับ นายจักรพัชร และ นายสุริยัน บุญเทียม (ที่หลบหนีอยู่) รวม 4 คน ช่วยกันนำยาเสพติดขึ้นขบวนรถไฟ เพื่อไปส่งต่อให้กับนายพัทธนันท์ หรือดำ ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนจะลำเลียงส่งไปยังประเทศมาเลเซีย

โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้รับเงินค่าจ้างคนละ 20,000 บาท และหากลำเลียงสำเร็จจะได้รับเงินอีกก้อนหนึ่ง ที่ผ่านมาได้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้สำเร็จมาแล้ว 2 ครั้ง

ขณะที่พล.ต.ต.ทนัย อภิชาตเสนีย์ รอง ผบช.ปส. อธิบายรูปแบบของยาเสพติดว่า ยาไอซ์ที่ยึดได้นี้ถือเป็นยาไอซ์รุ่นใหม่ที่ทาง บช.ปส.ตรวจพบในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลทราบว่ายาไอซ์ดังกล่าวมีการห่อแพ็กเกจด้วยถุงชาเขียว เป็นของเครือข่ายชนกลุ่มน้อยในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยมีเส้นทางจากประเทศเมียนมาลำเลียงเข้าประเทศสปป.ลาว บริเวณด้านตรงข้าม กับอ.เชียงของ ของไทย

จากนั้นกลุ่มขบวนการจะนำยาเสพติดมาซุกซ่อนพักไว้ตลอดแนวชายแดน ก่อนอาศัยจังหวะลอบลงเรือนำเข้ามายังประเทศไทย อย่างไรก็ตามถือได้ว่าเป็นขบวนการยาเสพติดระดับอาเซียน โดยฝั่งลาวจะเป็นเครือข่ายแขวงบอลิคำไซ ส่วนของไทยเป็นกลุ่มเครือข่ายที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

ซึ่งจากแผนประทุษกรรมเมื่อเข้ามาไทยก็จะลำเลียงลงใต้ จนถึงอ.หาดใหญ่ จะมีกลุ่มนายทุนมาเลเซียเชื้อสายจีนมารับออกไปทางช่องปาดังเบซาร์ ชายแดนไทย-มาเลเซีย เพื่อข้ามไปยังเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย จากนั้นจะถูกส่งไปยังประเทศที่สาม

อย่างไรก็ดีหากไปถึงปลายทางได้ยาเสพติดล็อตนี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นกว่า 10 เท่า จากราคา 250 ล้านบาทที่ต้นทาง ก็จะสูงขึ้นไปได้ถึง 2,500 ล้านบาททีเดียว

คดีนี้แสดงให้เห็นถึงไหวพริบ ปฏิภาณของตำรวจ ที่อาศัยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานสังเกตความผิดปกติ จนนำมาสู่การตัดวงจรสกัดกั้นยาเสพติดครั้งใหญ่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน