กฤษณะ เชิญธงไชย

อนงค์ วงศ์ช่วย

ชลัช วิรุฬเดช

เรื่อง/ภาพ

บ่ายโมงวันที่ 13 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงผลจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ 7 คดี ผู้ต้องหา 13 คน พร้อมของกลางยาไอซ์ 447 ก.ก. เฮโรอีน 304 ก.ก. ยาบ้า 526,450 เม็ด ยาอี 5,731 เม็ด อาวุธปืน 1 กระบอก รถยนต์ 5 คัน โทรศัพท์มือถือ 14 เครื่อง รวมมูลค่าของกลางกว่า 859 ล้านบาท

ที่น่าสนใจคือครั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมยาอีชนิดใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มพบในประเทศไทย โดยยาอีที่ผลิตนั้นเป็นรูปตัวการ์ตูน มีสีสันหลากหลาย ทำให้กลายเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน นักศึกษา อย่างรวดเร็ว

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเปิดเผยรายละเอียดว่า เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ ผ่านมา ตำรวจรับแจ้งจากสายลับว่า น.ส.อัมพิกา ปะติตัง อายุ 25 ปี น.ส.วรารัตน์ จันทมาส อายุ 25 ปี และนายทรงพล ทมิยะ อายุ 33 ปี มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาอีจากประเทศเนเธอร์แลนด์เข้ามาใน ราชอาณาจักรบ่อยครั้ง

ล่าสุดพบว่า นายทรงพลเดินทางไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ ผ่านมา จึงวางแผนแกะรอยติดตาม ก่อน จับกุม น.ส.อัมพิกาและ น.ส.วรารัตน์ ได้ที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมของกลาง ยาอี 5,731 เม็ดซุกซ่อนในกระเป๋า จึงควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวต่อว่า จากการสอบปากคำให้การซัดทอดไปยังนายทรงพลซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลอาญา ต่อมาตำรวจติดตามจับกุมตัวนายทรงพลได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น.

ด้านพล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า สำหรับ ยาอีดังกล่าวนำมาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ในราคาเม็ดละ 60 บาท แต่เมื่อนำเข้ามาในประเทศไทยจะมีมูลค่าสูงกว่า 10 เท่า หรือประมาณ 600 บาท โดยยาอีที่ผลิตนั้นเป็นรูปตัวการ์ตูนมีสีสันหลากหลาย ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน นักศึกษา

“เมื่อเสพเข้าไปจะออกฤทธิ์ให้มีความรู้สึกเพลิดเพลินและกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และถือเป็นเรื่องภัยคุกคามทางเพศที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในเมืองไทย หากผู้ปกครองคนใดสังเกตเห็นว่าบุตรหลานของท่านมียาตัวการ์ตูนในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที” พล.ต.ท.สมหมายกล่าวเตือน

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงคาน จ.เลย สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.246 เชียงคาน เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำเชียงคาน เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 21 และเจ้าหน้าที่ ศปก.ทบ. นำโดย พ.ต.อ. เอกพงษ์ พลมณี ผู้กำกับ สภ.เชียงคาน ร่วมกันตรวจยึดยาบ้าจำนวน 6 ล้านเม็ด และ ยาไอซ์ประมาณ 150 กิโลกรัม บริเวณริมแม่น้ำโขง บ้านห้วยซวก ต.บุฮม อ.เชียงคาน

สืบเนื่องมาจากตำรวจชุดจับกุมรับแจ้งจากสายว่าจะมีการเข้ามารับ-ส่งสินค้ากัน ในพื้นที่ อ.เชียงคาน จึงดักซุ่มรอจนพบรถ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีเทา ทะเบียน กฉ 3483 กรุงเทพฯ ขับผ่านมา จึงขอตรวจค้น

แต่คนร้ายกลับซิ่งรถฝ่าด่านพยายามหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงใช้ปืนยิงล้อรถสกัดจนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนร้ายไม่ทราบจำนวนอาศัยความมืดทิ้งรถวิ่งหลบหนีไปได้ นับเป็นการตรวจยึดยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดในพื้นที่ของจังหวัดเลย

อีกคดีเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค. พ.ต.อ.สมเกียรติ จักรชุม ผกก.3 บก.ปส.4 พ.ต.ต.นิติธร บริพันธุ์ สว.กก.3 บก.ปส.4 พร้อมกำลังจากกองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 ส่วนหน้า จับกุมนาย ส้อปิอี จิราวรรณ์ ชาว ต.ร่มไทร อ.สุคิริน จ.นราธิวาส และนายอรุณ ชูชื่น อายุ 22 ปี ชาว ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

พร้อมยาไอซ์ล็อตใหญ่ น้ำหนัก 447 ก.ก. หรือเกือบครึ่งตัน มูลค่าประมาณ 223 ล้านบาท รถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บบ 4465 สงขลา โดยจับกุมได้ในพื้นที่ ต.คลองอู่ตะเภา อ.หาดใหญ่ ขณะที่รถยนต์กระบะมาจอดพัก พร้อมกับรถยนต์กระบะอีก 1 คัน เพื่อรอการขนถ่ายต่อไปยังปลายทาง จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนรับแค่ว่าเป็นผู้รับจ้างขนเท่านั้น โดยยาไอซ์ล็อตนี้ถูกลำเลียงมาจากทางภาคอีสาน และเตรียมส่งต่อเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย

ขณะที่ในช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนั้นเอง ทหารม้ากองบังคับการควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 4 กองกำลังผาเมือง ออกปฏิบัติการลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่แนวชายแดน ช่องทางหนองกะลาง บ.หนองอุก ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบกลุ่มขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจึงแสดงตัวเข้าจับกุม คนร้ายมีประมาณ 4 คน สามารถจับกุมได้ 1 คน เป็นชาวไทยใหญ่ อาศัยอยู่ในเมียนมา

สอบถามทราบว่ามากันมากกว่า 15 คน แต่วิ่งหนีหมดแล้ว ตรวจค้นพบเป้สะพายหลังสีเขียวจำนวน 4 ใบ มียาบ้า 185 มัด รวม 370,000 เม็ด และยาไอซ์ 10 ห่อ น้ำหนัก 10 กิโลกรัม จึงประสานกำลังตรวจค้นบริเวณโดยรอบ ซึ่งเป็นภูเขาสูงและมีเนินหิน ก่อนพบเป้สีเขียวกระจัดกระจายโดยรอบพื้นที่อีก 19 ใบ ข้างในเป็นยาบ้า รวม 2,850,000 เม็ด

สมัยนี้ยาเสพติดพุ่งเป้าขยายฐานลูกค้าไปที่เด็ก-เยาวชน จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยง่ายด้วย ต่อไปคงมียาเสพติดในรูปแบบใหม่ออกตามมาอีกอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน