สุเชษฐ แรกรุ่น – เรื่อง/ภาพ

เหตุการณ์คนร้ายประกบยิงนายมนตรี อุปลา อายุ 54 ปี นายช่างโยธาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ เสียชีวิตคาถนน สายทุ่งใหญ่-ลำทับ หมู่ 4 ต.กะแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อสี่ทุ่มคืนวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นอีกเหตุอุกฉกรรจ์ที่ท้าทายเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ภายหลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ประสิทธิ์ เผ่าชู และพ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ลงมากำกับดูแลการสืบสวนสอบสวนชนิดเกาะติด จนในที่สุดก็สามารถ คลี่คลายคดีได้

ย้อนไปเมื่อ 22.00 น. วันที่ 21 มี.ค. ร.ต.อ.อนันต์ พานิชกุล รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่ถนนสายทุ่งใหญ่-ลำทับ หมู่ 4 ต.กะแหระ อ.ทุ่งใหญ่ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่, พ.ต.ท.ชัยภัทร ศรีเรือง รอง ผกก.สส, พ.ต.ท.พงศ์ศักดิ์ วิทย์การพงษ์ รอง ผกก.ป.แพทย์ และมูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง รุดไปที่เกิดเหตุ

ที่กลางถนนพบรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 897 ตรัง มีรอยกระสุนปืนลูกซองยาว 5 นัด ยิงพรุนทั้งคันทั้งกระจกด้านหน้า และกระจกด้านข้างคนขับนับได้กว่า 20 รู มีผู้เสียชีวิตนอนฟุบอยู่บนพื้นถนนตรงประตูรถด้านขวา

สอบสวนทราบชื่อคือนายมนตรี อุปลา อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238/4 หมู่ 10 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ นายช่างโยธาองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ศพถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าลำตัวและหน้าอกนับ 10 แผล พบปลอกกระสุน 5 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ชุดสืบสวนสอบปากคำเพื่อนผู้ตายทราบว่าก่อนถูกยิง นายมนตรีไปช่วยแต่งสวนที่ปั๊มน้ำมันของเพื่อนจนเสร็จแล้วนั่งดื่มกันต่อ จากนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษก็ขับรถยนต์ออกจากปั๊มน้ำมันมาหาภรรยาอีกคนในพื้นที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

ระหว่างทางมีรถกระบะของคนร้าย ไม่ทราบสี ยี่ห้อ ทะเบียนขับไล่ตาม หลังมาอย่างกระชั้นชิด ซึ่งคาดว่าคนร้าย น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คนเป็นอย่างน้อย โดยมือปืนนั่งอยู่ที่กระบะท้าย น่าจะสะกด รอยตามมาจาก อ.ลำทับ และไล่แซงรถยนต์ขึ้นหน้า ก่อนที่คนร้ายที่นั่งกระบะ ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวที่เตรียมมายิงถล่มใส่รวม 5 นัดซ้อน

หลังโดนยิงนายมนตรียังไม่เสียชีวิตทันที และพยายามกระเสือกกระสน ออกจากตัวรถเพื่อจะไปขอความช่วยเหลือ จากชาวบ้านแต่สิ้นใจตายเสียก่อน

วันรุ่นขึ้น พ.ต.อ.ประสิทธิ์สั่งระดมทีมสืบสวนนำโดยพ.ต.อ.รังสรรค์ สุขเกื้อ ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ และชุดสืบสวน ภ.จว.นครศรีธรรมราช เพื่อคลี่คลายคดี โดยตั้งประเด็นการตายไว้ 2 ประเด็นคือเรื่องชู้สาว และเรื่องขัดแย้งในสำนักงานที่นายมนตรีทำงานอยู่ เกี่ยวกับผลประโยชน์โครงการต่างๆ

 

พ.ต.อ.ประสิทธิ์กล่าวว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งได้ให้ตำรวจ ออกตรวจเช็กกล้องวงจรปิดเพื่อดูว่าคนร้ายใช้รถอะไรเป็นพาหนะและเส้นทางหลบหนี นอกจากนั้นตำรวจยังเชิญภรรยาของนายมนตรี มาให้ปากคำด้วย เนื่องจากทั้งคู่มีปัญหาถึงขั้นมีการข่มขู่เอาชีวิตกันทางไลน์ส่วนตัว เนื่องจากทราบว่านายมนตรี ไปมีภรรยาอีกคนที่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

 

ซึ่งในเรื่องระหว่างนายมนตรีกับภรรยานั้น มีการร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชาของนายมนตรี จนถูกสอบเรื่องวินัยที่ไปมีภรรยาน้อยและถูกตัดเงินเดือน ต่อมานายมนตรีก็ทำเรื่องฟ้องร้องขอหย่าภรรยา แต่ภรรยาไม่ยอมหย่า แต่จะขอแบ่งสมบัติคนละครึ่ง เนื่องจากนายมนตรีเป็นคน ที่มีฐานะดี โดยมีทรัพย์สินที่ดิน บ้านพัก และอาคารพาณิชย์มูลค่านับ 10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในชั้นศาล

ขณะที่นายมนตรีเองก็มาอยู่กับภรรยาใหม่อย่างเปิดเผย แถมยังมีลูกกันถึง 2 คน ปัญหาเรื่องทรัพย์สินมรดกจึงมีน้ำหนักขึ้นมา

ตํารวจซุ่มสืบอยู่เงียบๆ กระทั่งพบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่ ทุ่งใหญ่ โดยพบว่านายชัยณรงค์เคยทำงาน ที่จ.กระบี่ และรู้จักกับนางนิชาภัทร อ่าวลึก เหนือ อายุ 54 ปี ภรรยาหลวงของนายมนตรี จนนำมาสู่การจับกุมนางนิชาภัทร ในฐานะผู้จ้างวาน กับพรรคพวก

ประกอบด้วยนายชัยณรงค์ ชัยวิชิต อายุ 58 ปี ผู้ประสานมือปืน นายวิโรจน์ บุญส่ง อายุ 39 ปี นายเสรี บุญส่ง 55 ปี นายประคิน จันทร์เจตนาดี อายุ 47 ปี ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน”

ขณะที่ผู้ต้องหาอีกรายคือ นายสุวิทย์ บุญส่ง อายุ 39 ปี ยังอยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งแน่นอนว่าหลังถูกจับผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ไม่เกี่ยวข้องกับการตายของนายมนตรี

วันที่ 28 มี.ค. ที่สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรี ธรรมราช พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยพ.ต.อ.วีระพล มั่นเมือง รอง ผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.ปรีชา ปัญญาเลิศ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ร่วมกันสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ภายหลังถูกจับกุมได้เมื่อค่ำวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะเผยว่า

“คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจของประชาชน ตำรวจได้พยายามเร่งตามล่าคนร้าย จนในที่สุดก็สามารถจับกุมตัวได้ 5 คน อีกคน ที่เหลือกำลังติดตามตัวอยู่ ถึงแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่มั่นใจว่าพยานหลักฐานมีความชัดเจนมาก คนร้าย ดิ้นไม่หลุดแน่ และมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินคดีคนร้ายรวมทั้งผู้บงการได้ ทุกคน ซึ่งผู้ทำผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมาย” ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าว

สุดท้ายแล้วต้องอยู่ที่ดุลพินิจของศาลท่านว่าจะเชื่อถือพยานหลักฐานของฝ่ายใดเป็นสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน