พุฒิสรรค์ แก้วบัวดี – อดิศร จิตตเสวี – พิรยุทธ นิ่มนนท์ – เรื่อง/ภาพ

โบราณว่าไว้ สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องเป็นจริง

แต่ถ้อยคำข้างต้นนำมาใช้ไม่ได้กับทุกเรื่อง บางครั้งการรับฟังเรื่องราวของผู้ที่เคยมีประสบ การณ์ ก็นำมาเป็นอุทาหรณ์ให้พึงสังวรได้ไม่ต้องพาตัวไปเจอประสบการณ์จริง เพราะดีไม่ดีอาจไม่มีชีวิตรอดมาเล่าให้ใครได้ฟัง

เช่นเหตุการณ์ขับรถแล้วไม่ยอมให้กัน ต่างคนต่างแรง ปาดเอาคืนกันไปมา จนถึงขั้นลงมาทะเลาะวิวาทถึงขั้นบาดเจ็บเสียชีวิต ก็มีให้เห็นเป็นข่าวออกบ่อย แต่กับบางคนก็หาช่วยอะไรได้ไม่

ย้อนไปเมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 2 เม.ย. ร.ต.ท.สุวพิชญ สมชาติ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุโชเฟอร์แท็กซี่ถูกแทงเสียชีวิต บริเวณประตูทางออก 2 ตลาดยิ่งเจริญ (สะพานใหม่) ถ.พหลโยธิน ฝั่งมุ่งหน้าดอนเมือง แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.

จึงรุดตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.คมศักดิ์ สุมังเกษตร รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.อำนาจ อินทร์ศวร ผกก.สน.บางเขน พ.ต.ท.นิเวศน์ นิลวดี สว.สส.สน.บางเขน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนบก.น.2 ชุดสืบสวนสน.บางเขน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุบนพื้นถนนช่องซ้ายหน้าตลาดดังกล่าว พบศพนายศราวุธ ตั้งปัญญาศักดิ์ อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 8/101 ซ.พหลโยธิน 54/1 แยก 1 แขวงและเขตสายไหม กทม. สภาพสวมชุดโชเฟอร์แท็กซี่ สีฟ้า นอนหงายจมกองเลือด

ตรวจสอบพบบาดแผลถูกฟันด้านหลังศีรษะ 1 แผล และถูกแทงหลังฝั่งซ้าย 1 แผล ห่างกัน 50 เมตร พบรถแท็กซี่ ยี่ห้อ โตโยต้า อัลติส สีเขียวเหลือง ทะเบียน มช 3944 กรุงเทพฯ ของผู้เสียชีวิตจอดติดเครื่องไว้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งโรงพยาบาลภูมิพลฯ เพื่อชันสูตร

พ.ต.อ.คมศักดิ์เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานแม่ค้าให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นนาย ศราวุธมีเรื่องทะเลาะชกต่อยกับคนร้ายเป็นผู้ชายอายุประมาณ 25-30 ปี ก่อนคนร้ายจะใช้อาวุธมีดแทงนายศราวุธแล้ววิ่งหลบหนีขึ้นรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน ไม่ทราบทะเบียน ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางแยก คปอ.

โดยนายศราวุธเป็นโชเฟอร์ขับรถแท็กซี่ ขับรถรับส่งผู้โดยสารบริเวณนี้ประจำ เป็นที่คุ้นเคยของคนในตลาด ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุแม่ค้าบอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน

เนื่องจากจุดที่เกิดเหตุเป็นที่จอดรถแท็กซี่ที่มารอรับ-ส่งผู้มาซื้อของภายในตลาด จึงมีรถจอดรอคิวอยู่หลายคัน เหตุสยองครั้งนี้กล้องบันทึกภาพที่ติดอยู่หน้าแท็กซี่คันหนึ่ง สามารถจับภาพขณะเกิดเหตุเอาไว้ได้ โดยพบว่าคนร้ายเป็นชายสูงประมาณ 170 เซนติเมตร รูปร่างสันทัด ผมรองทรงสั้น สวมเสื้อเชิ้ต สีเขียวขี้ม้า กางเกงขาสั้นลายพราง กำลังยืนคุยกับนายศราวุธ สักพักคนร้ายเหมือนจะหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกางเกง

เมื่อนายศราวุธเห็นจึงชกไปที่ใบหน้าคนร้ายก่อนจนล้มลง ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนญาติๆ ว่านายศราวุธเคยมีปัญหาเรื่องอะไรกับใครหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่สรุปว่าเกิดจากเหตุใด

พ.ต.อ.คมศักดิ์สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งในบริเวณใกล้เคียงรวมทั้งตามเส้นทางถนนพหลโยธินขาออก เพื่อสืบหาทะเบียนรถคนร้าย รวมทั้งนำภาพที่ได้จากกล้องหน้ารถแจกจ่ายให้สื่อต่างๆ ช่วยกันกระจายข่าวเพื่อให้พลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแสอีกทางหนึ่ง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน สืบสวนกระทั่งทราบว่า รถคนร้ายเป็นรถนิสสันรุ่นซันนี่ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 9ช-0469 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถของ นายสุพงษ์ โพธิโน อายุ 34 ปี โดย เจ้าหน้าที่ได้ไปที่บ้านของนายสุพงษ์ ในซอยพหลโยธิน 54 แยก 3 แต่ไม่เจอใครอยู่ภายในบ้าน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญา ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นและพกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร”

ล่าสุดหลังผ่านมา 1 วัน เย็นวันที่ 3 เม.ย. นายสุพงษ์พร้อมด้วยทนายความ ก็เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.อำนาจ อินทร์ศวร ผกก.สน.บางเขน และ พ.ต.ท.นิเวศน์ นิลวดี สว.สส.สน.บางเขน ที่สน. บางเขน ซึ่งระหว่างนั้นได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อมีญาติของผู้ตายที่ทราบข่าวว่าผู้ต้องหาจะมอบตัว เดินทางมาดักรอที่โรงพัก

เมื่อนายสุพงษ์เข้าพบพ.ต.อ.อำนาจจึงได้ พาตัวไปยังห้องสืบสวน แต่ระหว่างนั้นญาติของผู้ตายซึ่งอยู่ในอารมณ์โมโหวิ่งมาจากข้างหลังแล้วต่อยเข้าที่หน้าผู้ต้องหา 1 ครั้ง พ.ต.อ.อำนาจต้องรีบห้ามปราม แต่ช่วงชุลมุนก็ได้มีญาติผู้ตายอีกคนที่อยู่ด้านหลังกระโดดถีบผู้ต้องหาเข้าไป 1 ครั้ง

จนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนต้องเข้าช่วยกันและรีบพาตัวผู้ต้องหาเข้าไปสอบปากคำ หลังจากนั้นทางญาติก็ได้เข้ามาขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยบอกว่าที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

เบื้องต้นนายสุพงษ์ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุดังกล่าวจริง เนื่องจากขับรถปาดหน้ากัน ก่อนจะลงมาคุยแล้วเกิดความโมโหใช้มีดแทงผู้ตาย หลังจากนั้นได้หลบหนีไป โดยโยนมีดทิ้งไว้ในคลอง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สอบปากคำอย่างละเอียด และจะควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนส่งดำเนินคดีต่อไป

เมื่อแรงมา ก็แรงไป สุดท้ายฝ่ายหนึ่งตาย ฝ่ายหนึ่งติดคุก….ปิดคดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน